"โทมัส มึลเลอร์" หมากตัวสำคัญของ "ฮันส์ ฟลิค"

บาเยิร์น มิวนิค กลับมาเข้าฝักอีกครั้งหลังแต่งตั้งฮันซี่ ฟลิค เข้ามานั่งเก้าอี้กุนซือใหญ่คุมทัพนักเตะ “เสือใต้” ทำให้บาเยิร์นกลับเข้ามาสู่เส้นทางการลุ้นแชมป์ลีกต่อไป โดยมีตำนานนักเตะที่ยังค้าแข้งอยู่อย่าง โทมัส มึลเลอร์ เป็นหัวใจในการฟื้นฟูพลังงานของทีมเสือใต้ให้กลับมาฟอร์มติดไฟในเกมล่าสุด

บาเยิร์นดูไม่ใช่บาเยิร์นทีมเดิมเอาเสียเลย หลังพลาดท่าโดนไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต กระซวกไปถึง 1-5 ประตูในแมตช์เดย์ 10 ส่งผลให้นิโก้ โควัช ต้องโบกมืออำลาสโมสรแห่งนี้ไป และความหวังในการรักษาบัลลังก์แชมป์ติดต่อกันของบาเยิร์นก็ดูจะยากขึ้นไปทุกที

แต่แล้วหลังจากฮันส์ ฟลิค วัย 54 ปีถูกแต่งตั้งให้ขึ้นมานั่งแท่นกุนซือแทนโควัช บรรยากาศในอัลลิอันซ์ อารีน่าก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง แฟนบอลได้เห็นจิตวิญญาณของบาเยิร์นทีมเดิมกลับมาอีกครั้ง

ชัยชนะเหนือโอลิมเปียกอส 2-0 ประตูและชัยชนะในแดร์ คลาสสิกเคอร์ เหนือโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 4-0 ประตูภายใต้การนำทีมของฟลิคคือจุดเริ่มต้นความมั่นใจของบาเยิร์นว่าพวกเขายังไม่ได้หลุดออกจากเส้นทางแห่งความสำเร็จในซีซั่นนี้

ทันทีที่ฟลิคเข้ามาบัญชาการทัพบาเยิร์น เขาก็จับเอาโทมัส มึลเลอร์ กลับมายืนในตำแหน่งที่เจ้าตัวถนัดทันที นั่นก็คือตำแหน่งกองหน้าตัวต่ำหลังยอดดาวยิงของสโมสรโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

ฟลิครู้ในศักยภาพของมึลเลอร์เป็นอย่างดี ทั้งคู่เคยร่วมงานกันมาแล้วตั้งแต่ศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 2014 ซึ่งฟลิครับบทเป็นมือขวาของโยอาคิม เลิฟ

“ผมรู้จักโทมัสมานานกว่า(โควัช) เขามีความสำคัญต่อสโมสร เขาคว้าแชมป์มาครบทุกรายการแล้วยกเว้นแค่เพียงแชมป์ยูโร เขาฉลาดและสามารถเป็นผู้นำให้ทีมได้”

แม้อายุจะเข้าสู่เลขสามแล้ว แต่นักเตะอย่างมึลเลอร์ก็ยังคงคุณภาพครบถ้วนตามที่ฟลิคกล่าว เขาติดทีมชาติเยอรมนีครบ 100 นัดแล้วและกลายเป็นแข้งประสบการณ์สูงของสโมสร แม้จะไม่ได้เป็นศูนย์หน้าที่ยิงถล่มทะลายฤดูกาลละ 30 ประตูเหมือนในซีซั่น 2015/16 แต่มึลเลอร์ก็ยังคงเป็นส่วนสำคัญในเกมรุกของบาเยิร์น
เขาไม่เพียงแต่เป็นตัวรุกที่จ่ายถวายพานให้เลวานดอฟสกี้ได้มากกว่านักเตะทุกคน แต่มึลเลอร์ยังติดอันดับต้นๆ ของผู้ทำแอสซิสต์สูงที่สุดในลีก แม้จะได้โอกาสออกสตาร์ทลงเล่นในลีกเพียง 6 จาก 11 เกมในซีซั่นนี้

มึลเลอร์ทำแอสซิสต์ไปแล้ว 6 ครั้ง ถือเป็นสถิติสูงสุดในบุนเดสลีกา มีเพียงตอร์กาน อาซาร์ จากค่ายดอร์ทมุนด์ที่ทำแอสซิสต์ได้เท่ากัน แต่อาซาร์ลงสนามมากกว่ามึลเลอร์ถึง 187 นาที

“ผมอาจจะไม่ได้เป็นตัวจบสกอร์เหมือนเดิมอีกแล้ว แต่ผมก็พยายามรับผิดชอบทั้งทีม ทั้งเรื่องโครงสร้าง การจัดการและพลัง และพยายามทำแอสซิสต์ให้ได้ ผมยังพยายามยิงประตูด้วยนะ แต่เมื่อผมต้องตัดสินใจระหว่างเข้าไปในกรอบเขตโทษหรือยืนคุมพื้นที่หน้ากรอบเขตโทษเพื่อป้องกันเกมสวนกลับ บางทีผมก็ตัดสินใจไปในเชิงเกมรับมากกว่า”

“ผมพยายามจะเก็บชัยชนะ พยายามที่จะเป็นผู้เล่นคนสำคัญให้กับทีม แต่ไม่ใช่เรื่องจำเป็นสำหรับผมเลยที่จะเป็นดาวซัลโว”

ทั้งหมดนี้เองที่พิสูจน์ให้เห็นว่าทำไมโทมัส มึลเลอร์ จึงยืนระยะได้อย่างยาวนาน เขายังคงเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมแม้จะอายุไม่น้อยแล้ว ประสบการณ์ 12 ฤดูกาลในบุนเดสลีกามีแต่จะพัฒนาให้เขาดีขึ้นเรื่อยๆ เหมือนผลไม้ที่สุกงอม

แต่การค้าแข้งในวัย 30 ปีก็ถือว่ามึลเลอร์ยังมีเวลาอีกเหลือเฟือบนเส้นทางอาชีพการค้าแข้ง โดยเฉพาะเมื่อบาเยิร์นแต่งตั้งให้ฟลิคขึ้นมานั่งแท่นกุนซือแทนโควัช ซึ่งในเกมที่พลพรรคเสือใต้เอาชนะโอลิมเปียกอส มึลเลอร์ก็แสดงออกมาให้เห็นแล้วว่าเขามีความตั้งใจและยังวิ่งฟัดคู่แข่งได้เหมือนเดิม

ฟลิคกล่าวหลังเกมว่า “ทีมเราทำผลงานได้ดี คิมมิชวิ่งถึง 13.6 กม. โทมัส มึลเลอร์วิ่ง 12.6 กม. นั่นคือระยะทางที่ไกลมาก ในเรื่องเกมรุกนั้นเรายังพัฒนาได้อีก ถ้าเรามีเกมรับที่ดี เกมรุกก็จะดีไปด้วย นั่นคือสิ่งที่เรากำลังโฟกัสอยู่ในตอนนี้”

ฟลิคกำลังนำทัพเสือใต้ไปในเส้นทางที่ถูกต้องโดยมีมึลเลอร์เป็นส่วนหนึ่งของแผนการณ์นั้นด้วย คนที่ติดตามแข้งดีกรีแชมป์โลกคนนี้มานานจะไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมึลเลอร์ยังคงเป็นส่วนสำคัญของบาเยิร์นอยู่เสมอ เพราะมึลเลอร์ไม่ใช่นักเตะที่เล่นเพื่อพาตัวเองไปสู่จุดสูงสุด แต่เขาพยายามพาทุกๆ คนในทีมก้าวไปด้วยกัน