"ยุสซุฟ โพลเซ่น" จากแข้งดิวิชั่น 3 สู่ดาวยิงผู้พาไลป์ซิกลุ้นแชมป์บุนเดสลีกา

อดีตรูมเมทของโยชัว คิมมิช ที่กลายมาเป็นคู่ขาในแดนหน้าของทิโม แวร์เนอร์ เพิ่งจะลงสนามให้ทีม "กระทิงแดง" ครบ 250 นัดไป มาอ่านเรื่องราวของหัวหอกชาวเดนมาร์กแห่งทีมแอร์เบ ไลป์ซิก คนนี้บนเส้นทางการค้าแข้งจากลีกล่างสู่ลีกสูงสุดของเยอรมนีกันเลย

"ถ้าให้เปรียบเทียบห้องของเรา แน่นอนว่าห้องของผมสะอาดกว่าเยอะเลย" คิมมิชกล่าวถึงโพลเซ่น นักเตะที่เคยแชร์ห้องพักกันสมัยที่ยังอยู่ที่ไลป์ซิก "โชคดีที่มีสองห้องน้ำ ถ้าผมต้องรอ 'ยุสซี่' ทำผมทุกวัน เราทั้งคู่ต้องเลททุกวันแน่ๆ"

เรื่องนี้เคยเกิดขึ้นจริงๆ! โพลเซ่นเคยโดนลงโทษไม่ให้ลงเล่นในเกมๆหนึ่งหลังไปซ้อมเลทเมื่อปี 2013 ในตอนนั้นทั้งคู่เล่นให้กับแอร์เบ ไลป์ซิก ซึ่งยังอยู่ในระดับดิวิชั่น 3 แต่แล้วโชคชะตาของทีมไลป์ซิกก็เปลี่ยนไปอย่างสุดขั้ว สำหรับโพลเซ่นเองก็เช่นกัน

โพลเซ่นเพิ่งจะลงสนามนัดที่ 250 ให้กับทีมไลป์ซิกในเกมที่พบกับไมนซ์ ซึ่งก่อนหน้านั้นดาวยิงรายนี้ก็เพิ่งจะได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมหนแรกในแมตช์เดย์ที่ 26 อีกด้วย ถ้าในนาทีนี้หากโพลเซ่นจะมาซ้อมสายบ้าง เชื่อว่ายูเลียน นาเกลส์มันน์ ก็คงไม่ถือโทษแล้วล่ะ

ย้อนกลับไปในช่วงแรกๆ ที่โพลเซ่นเล่นให้กับไลป์ซิก อเล็กซานเดอร์ ซอร์นิเกอร์ กุนซือใหญ่ทีมกระทิงแดงในตอนนั้นเล่าว่า "แว๊บแรกที่ผมได้เห็นยุสซุฟเล่นในวิดีโอก็คือหลังจากที่เขาเสียบอลแล้ว เขาก็พยายามวิ่งสปริ้นท์ไปรอบสนามเพื่อจะแย่งบอลคืนมาให้ได้ เขาทำแบบนั้นอยู่หลายครั้งในแต่ละเกม"

โพลเซ่นทุ่มเทไปไม่น้อยกว่าความพยายามของเขาจะออกดอกออกผลที่ไลป์ซิก แข้งเดนมาร์กทำอะไรให้ทีมได้มากกว่าแค่ยิงประตู โดยเฉพาะในฤดูกาลล่าสุดที่เขามีอัตราแย่งบอลคู่แข่งสำเร็จมากกว่า 40% ถือว่ายอดเยี่ยมทีเดียวสำหรับนักเตะในตำแหน่งกองหน้า ส่วนเมื่อฤดูกาล 2017/18 โพลเซ่นก็เคยทำสถิติแย่งบอลคู่แข่งสำเร็จในทุก 4 นาที แต่ก็ไม่น่าแปลกใจสักเท่าไหร่เพราะโพลเซ่นเคยเล่นตำแหน่งกองหลังมาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งอายุ 14 ปี

ด้วยรูปร่างสูงใหญ่ โพลเซ่นจึงมักถูกขนานนามว่าเป็น "รถถังแห่งไลป์ซิก" ในฤดูกาล 2018/19 เขาทำประตูไปถึง 15 ลูกจากการลงเล่น 31 นัด นับเป็นนักเตะเดนมาร์กคนที่ 3 เท่านั้นที่สามารถยิงประตูในบุนเดสลีกาได้มากกว่า 14 ประตูขึ้นไปในฤดูกาลเดียว นอกจากนี้ โพลเซ่นยังเป็นนักเตะคนแรกของไลป์ซิกที่ทำแฮตทริกได้ในบุนเดสลีกา หลังจากเหมา 3 ประตูพาทีมถล่มแฮร์ธ่า เบอร์ลิน 5-0 เมื่อฤดูกาลที่แล้ว

แม้ทิโม แวร์เนอร์ จะเป็นสตาร์กองหน้าที่มาแรงและโด่งดังที่สุดของไลป์ซิกในนาทีนี้ แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้จริงๆ ว่าโพลเซ่นคือคู่ขาที่ช่วยแบ่งเบาภาระของแวร์เนอร์ได้มากโข ราล์ฟ รังนิค อดีตกุนซือไลป์ซิกเคยออกมาเอ่ยปากชมโพลเซ่นว่าสมควรได้รับการตอบแทนจากทุกๆอย่างที่ทุ่มเท สำหรับเกมรุกของไลป์ซิกแล้วโพลเซ่นเปรียบเหมือนโรบินที่คอยช่วยแบทแมนฟาดฟันกับเหล่ากองหลังทีมคู่แข่งเสมอ

โพลเซ่นเป็นนักเตะที่เต็มไปด้วยเลือดนักสู้ พ่อของเขาต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งและพ่ายแพ้ไปตั้งแต่โพลเซ่นยังอายุได้เพียง 6 ขวบ ซึ่งนั่นเป็นที่มาของการที่โพลเซ่นสวมเสื้อทีมชาติเดนมาร์กและปักป้ายชื่อว่า "Yurary" ซึ่งมาจากนามสกุลของพ่อที่ล่วงลับไป

"ตอนที่ผมย้ายมาอยู่ไลป์ซิก ผมขอเขียนชื่อบนหลังเสื้อว่า 'Yurary' แต่พอตอนมาเซ็นสัญญา พวกเขาก็ปริ้นท์เสื้อที่เขียนว่า 'Poulsen' ไปเรียบร้อยแล้ว" โพลเซ่นกล่าว "ผมเล่นฟุตบอลอาชีพก็เพราะพ่อของผม เขาเล่นฟุตบอลประจำ แต่ไม่ได้เล่นเป็นอาชีพหรอกนะ มันกลายเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายสำหรับผมและครอบครัว เราจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะอยู่โดยไม่มีพ่อ ในทุกวันนี้ผมอุทิศทุกเกมที่ลงเล่นให้กับพ่อ"

"ผมอยากลงเล่นทุกสัปดาห์ ไม่ใช่นั่งเก้าอี้สำรองให้ทีมใหญ่ๆในลีกสูงสุด" โพลเซ่นกล่าวอธิบายในตอนที่ย้ายมาร่วมทีมไลป์ซิก "ที่นี่ผมได้เป็นนักเตะตัวจริงในทีมชุดใหญ่และสามารถพัฒนาได้ และเช่นเดียวกัน สโมสรก็ได้ทำอะไรมากมายจริงๆเพื่อคว้าตัวผมมา มันทำให้ผมประทับใจ"

ถือเป็นการเสี่ยงดวงครั้งใหญ่ที่โพลเซ่นในวัย 20 ปีตัดสินใจย้ายมาไลป์ซิก จนปัจจุบันเจ้าตัวกำลังย่างเข้าสู่วัย 26 ปีเต็มและทุกอย่างที่เขาทุ่มเทมันก็ผลิดอกออกผลเรียบร้อยแล้ว ทั้งกับตัวเขาเองกับสโมสรและกับทีมชาติเดนมาร์กด้วย

โพลเซ่นเชื่อว่าหากตนเองไม่ได้ตัดสินใจเลือกเส้นทางฟุตบอล ตอนนี้เขาคงเป็นนักบัญชีอยู่ที่ไหนสักแห่ง แต่ด้วยความเชื่อในโชคชะตาตนเองสามารถประสบความสำเร็จบนเส้นทางสายนี้ได้ สิ่งนี้แหละที่ทำให้โพลเซ่นเดินทางมาถึงจุดนี้ในวันนี้

"ผมไม่ได้เป็นนักเตะที่เก่งที่สุดของเดนมาร์ก ไม่ได้เป็นคนที่ทุกคนเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จได้ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนพูดว่าผมทำไม่ได้หรอก ผมก็ยิ่งอยากจะแสดงให้เห็นว่าผมทำได้"

เชื่อว่านอกจากบรรดากองหลังในบุนเดสลีกา วันนี้แฟนบอลทั่วโลกก็เชื่อแล้วว่านายทำได้...