5 เหตุผลที่ "บาเยิร์น มิวนิค" จะคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ในปีนี้

5 เหตุผลที่ "บาเยิร์น มิวนิค" จะคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ในปีนี้

5 เหตุผลที่ "บาเยิร์น มิวนิค" จะคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ในปีนี้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังประสบความสำเร็จในการป้องกันทั้งแชมป์บุนเดสลีกา และเดเอฟเบ โพคาล แล้ว บาเยิร์น มิวนิค ก็ยังมีลุ้นแชมป์อีกหนึ่งรายการ นั่นก็คือแชมป์ยูเอฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2019/20

มาดูกันเลยว่ามีเหตุผลอะไรบ้างที่จะนำพาทีม "เสือใต้" พิชิตถ้วยรายการนี้ได้ ซึ่งจะเป็นการกวาด 3 แชมป์เช่นเดียวกับที่เคยทำได้ในฤดูกาล 2012/13 อีกครั้ง

1) ฟอร์มแชมป์ชัดๆ
a
หลังจากเอาชนะไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ได้ 4-2 ประตูในนัดชิงถ้วยเดเอฟเบ โพคาล เกมล่าสุด ทำให้บาเยิร์นทำสถิติไม่แพ้ใครติดต่อกันถึง 26 เกมเข้าไปแล้ว โดยที่เป็นการเอาชนะติดต่อกันได้ถึง 17 นัด ซึ่งชัยชนะที่บาเยิร์นคว้ามาได้รวมไปถึงเกมที่โค่นสเปอร์สและเชลซี จากอังกฤษได้ในแชมเปียนส์ลีก ตลอดช่วงเวลาไร้พ่ายนี้พวกเขายิงประตูคู่แข่งไปถึง 82 ลูก เสียเพียง 19 ประตูเท่านั้น มีเพียงแอร์เบ ไลป์ซิก ของยูเลียน นาเกลส์มันน์ ทีมเดียวที่หยุดฟอร์มอันร้อนแรงของเสือใต้ได้ ส่วนฟอร์มของเสือใต้ในเวทียุโรปนั้นหายห่วง พวกเขามีสถิติชนะ 100% เต็ม!

2) กุนซือสมองเพชร
f
ความสำเร็จที่บาเยิร์นคว้ามาได้ในปีนี้ ต้องยกความดีความชอบให้กับฮันซี่ ฟลิค จริงๆ หลังฟลิคถูกแต่งตั้งให้เป็นเฮดโค้ชบาเยิร์นแทนที่นิโก้ โควัช ในเดือนพฤศจิกายนปี 2019 อดีตผู้ช่วยโค้ชทีมชาติเยอรมนีชุดแชมป์โลกปี 2014 ก็พาทีมกลับมาสู่ฟอร์มร้อนแรงอีกครั้งรวมทั้งเกมที่ไล่ถล่มสเปอร์สถึงกรุงลอนดอนด้วยสกอร์ 7-2 เก็บชัยชนะ 29 จาก 32 นัดที่คุมทีม ยิงรวม 100 ประตูและเสียเพียง 23 ประตู

นับว่ากุนซือวัย 55 ปีคนนี้มีสถิติที่ดีกว่ายุปป์ ไฮน์เคส และเป๊ป กวาร์ดิโอล่า เสียอีก ซึ่งสองคนนี้ก็เคยพาทีมคว้าทริปเปิ้ลแชมป์มาแล้วด้วย แน่นอนว่าด้วยฝีมือการคุมทีมระดับนี้ย่อมทำให้บอร์ดบริหารทีมเสือใต้คาดหวังความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก โดยคาร์ล-ไฮนซ์ รุมเมนิกเกอ ซีอีโอของสโมสรกล่าวให้สัมภาษณ์หลังบาเยิร์นคว้าแชมป์เดเอฟเบ โพคาลได้ว่า "ฮันซี่นำความสามัคคีมาสู่ทีมและทำให้พวกเรากลับมาเล่นฟุตบอลในแบบฉบับของบาเยิร์นได้อีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้พวกเราต้องการถ้วยใบที่สาม"

3) เลวาน "โกล" สกี้
j
โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ คือนักเตะคีย์แมนในปีนี้ของทีมจริงๆ ศูนย์หน้าโปแลนด์เพิ่งยิงประตูที่ 50 และ 51 ของตัวเองในฤดูกาลนี้ไปในเกมนัดชิงชนะเลิศศึกเดเอฟเบ โพคาล ทำให้เขากลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดของลีกท็อป 5 ของยุโรป ด้วยสถิติยิง 34 ประตูในลีกส่งผลให้เลวานคว้ารางวัลดาวซัลโวบุนเดสลีกาสมัยที่ 3 ติดต่อกันได้สำเร็จ ซึ่งนับเป็นสมัยที่ 5 ของเขาแล้ว ขณะที่ในรายการแชมเปียนส์ลีก ดาวยิงวัย 31 ปีก็นำเป็นดาวซัลโวด้วยผลงาน 11 ประตูจาก 6 นัด หากเลวานสามารถพาทีมคว้าแชมป์ "บิ๊กเอียร์ส" ได้สำเร็จ รางวัลบัลลงดอร์ที่เขาใฝ่ฝันก็คงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม โดยเฉพาะเมื่อคริสเตียโน่ โรนัลโด้ และลิโอเนล เมสซี่ ก็ยังทำผลงานในซีซั่นนี้ตามหลังเลวานดอฟสกี้อยู่พอสมควร

4) นอยเออร์และแนวรับพี่เสือ
n
มานูเอล นอยเออร์ เคยมีชื่อติดอันดับสามในโผรางวัลบัลลงดอร์ต่อจากโรนัลโด้และเมสซี่เมื่อปี 2014 ก่อนที่อีกหนึ่งปีต่อมา เขาจะสามารถโชว์ฟอร์มเซฟเหนือมนุษย์ช่วยให้บาเยิร์นคว้าทริปเปิ้ลแชมป์สำเร็จ แม้นายด่านอินทรีเหล็กจะอายุปาเข้าไป 34 ปีแล้ว แต่ก็ยังสามารถรักษาฟอร์มเซฟสุดยอดเอาไว้ได้ ผนวกกับความแข็งแกร่งของแผงหลังที่มีเบนฌาแม็ง ปาวาร์ และอัลฟอนโซ เดวีส์ ยืนเป็นแบ็คขวาและซ้าย ประกอบกับเชโรม บัวเต็ง ที่กลับมาโชว์ฟอร์มแกร่งจับคู่กับเซ็นเตอร์จำเป็นอย่างดาวิด อาลาบา

ถ้าหากนับเฉพาะในเวทีแชมเปียนส์ลีกแล้ว มีเพียงแนวรับของทีมเปแอสเช เท่านั้นที่มีผลงานดีกว่าแนวรับทีมเสือใต้ โดยเปแอสเชเสียไปเพียง 4 ประตู ส่วนบาเยิร์นก็เสียเพียง 6 ประตู ขนาดว่าบาเยิร์นต้องเจอปัญหากองหลังได้รับบาดเจ็บอยู่พักใหญ่ ซึ่งในรอบน็อคเอาท์ที่จะทำการแข่งขันกัน บาเยิร์นน่าจะได้นิคลาส ซือเล่อ และลูคัส แอร์กน็องเดซ ฟิตกลับมาช่วยขันเกมรับทีมให้แกร่งขึ้นอีก

5) คู่หูมิดฟิลด์ คิมมิช-โกเร็ตซ์กา
m
โยชัว คิมมิช มีอัตราการจ่ายบอลสำเร็จสูงถึง 92% ในบุนเดสลีกาซีซั่นนี้ มีโอกาสสัมผัสบอลรวม 2,716 ครั้งและวิ่งเฉลี่ย 7.4 ไมล์ต่อเกม ซึ่งเป็นสองสถิติที่สูงที่สุดในลีกเลยทีเดียว การถูกเปลี่ยนตำแหน่งจากแบ็คขวาเข้ามาเล่นคู่กับติอาโก้ ในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับถือเป็นบททดสอบอันยิ่งใหญ่ของคิมมิช ซึ่งแข้งอินทรีเหล็กก็สามารถสอบผ่านฉลุย

ในช่วงท้ายฤดูกาลที่ผ่านมาคิมมิชได้ยืนคู่กับเลออน โกเร็ตซ์กา อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งทำให้งานของคิมมิชสบายขึ้นไปอีกเนื่องจากโกเร็ตซ์กาก็โชว์ฟอร์มได้เยี่ยม ยิง 3 ประตูและจ่าย 4 แอสซิสต์จาก 9 นัดที่กลับมาลงเตะกันหลังหยุดพักไปเนื่องจากปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 แถมยังไปฟิตร่างกายมาจนดูกำยำล่ำสันจนเห็นได้ชัดและกลายเป็นห้องเครื่องตัวจริงของบาเยิร์นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เห็นแบบนี้เล่นเอาแฟนๆบาเยิร์นแทบจะลืมภาพของคู่หูมิดฟิลด์ในซีซั่น 2012/13 อย่างบาสเตียน ชไวน์ชไตเกอร์ และคาบี มาร์ติเนซ ไปเลย

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ ของ 5 เหตุผลที่ "บาเยิร์น มิวนิค" จะคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ในปีนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook