มนต์ขลังแห่งบัลลงดอร์

มนต์ขลังแห่งบัลลงดอร์

มนต์ขลังแห่งบัลลงดอร์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากรางวัล บัลลงดอร์ เปลี่ยนมาเป็น ฟีฟ่า บัลลงดอร์ อะไรๆ ก็เปลี่ยนไป อย่างที่เห็นกันใน 4ปีที่ผ่านมา

เมื่อวันอังคารที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ได้ประกาศรายชื่อผู้เข้าชิงรางวัล ฟีฟ่า บัลลงดอร์ 2014 เป็นที่เรียบร้อย มีผู้เล่นทั้งหมด 23 รายที่เข้ามาลุ้นรางวัลในครั้งนี้ ซึ่งที่เป็นประเด็นใหญ่สุดคงหนีไม่พ้นกับการที่ หลุยส์ ซัวเรซ หลุดโผเนื่องจากการใช้ฟันในฟุตบอลโลก

ในการโหวตรางวัล ฟีฟ่า บัลลงดอร์ ในปีนี้ ก็เหมือนกับที่เป็นมานับตั้งแต่ "ฟีฟ่า" เป็นผู้ดูแล คือการให้กุนซือและกัปตันทีมชาติ รับหน้าที่เป็นตัวแทนแต่ละประเทศโหวตให้ บวกกับผู้สื่อข่าวทรงคุณวุฒิทั่วโลก โดยจะมีการประกาศ 3 คนสุดท้ายที่เข้าชิง และประกาศผลโหวตสูงสุดในช่วงต้นปีหน้า ซึ่งที่ผ่านมาทั้งหมด 4 ครั้ง ลิโอเนล เมสซี่ 3 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 1
 
ผมจำได้ว่าแค่ครั้งแรกที่ ฟีฟ่า จัดรางวัลนี้ ก็มีเฮเสียแล้ว เนื่องจากเป็นการมอบรางวัลหลังจากมีการแข่ง ฟุตบอลโลก 2010 พอดี คล้ายๆ กับหนนี้ และอย่างที่บอก เป็น ลิโอเนล เมสซี่ ที่คว้าไป ทั้งๆ ที่ผลงานใน "เวิลด์ คัพ" ของเจ้าตัวก็ถือได้ว่าไม่น่าประทับใจ ส่วนผู้ที่ทำผลงานในทัวร์นาเมนต์ที่คนทั่วโลกจับตามองกลับเป็น อันเดรส อิเนียสต้า ผู้ที่ได้อันดับ 2 โดยมีคะแนนอยู่ที่ 17.36 เปอร์เซนต์ ส่วน เมสซี่ มีคะแนนที่ 22.65 เปอร์เซนต์
 
ที่ต้องยกทัวร์นาเมนต์ ฟุตบอลโลก มาเป็นตัวตั้งเนื่องจากว่าธรรมเนียมปกติแล้ว เมื่อใดก็ตามที่มีทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลช่วงซัมเมอร์กับทีมชาติ โดยเฉพาะ "เวิลด์คัพ" นั้น พวกเขาจะให้คะแนนจากการแข่งรายการดังกล่าวมากกว่าเกมลีกที่เล่นกันอยู่เป็นประจำ เป็นพิเศษ

ไม่ต้องโชว์ฟอร์มเปรี้ยงปร้างทั้งฤดูกาล แต่สำหรับทัวร์นาเมนท์ใหญ่ "ไดโกโระ" พา "เซเลเซา" เป็นแชมป์โลกก็เหมาะสมกับรางวัลนี้ทุกประการ

อย่างเช่นฟุตบอลดลกปี 2006 ผู้ที่ได้รางวัล บัลลงดอร์ (จัดขึ้นโดยสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป) นั้นกลายเป็น ฟาบิโอ คันนาวาโร่ เซ็นเตอร์แบ็กชาวอิตาเลียน ผู้ที่พาทีมชาติของเขาขึ้นเป็นแชมป์โลกในปีนั้น หรือย้อนไปอีกที่ปี 2002 ก็เป็น โรนัลโด้ หรือ "โด้อ้วน" ชาวบราซิล และ 1998 ก็เป็น ซีเนอดีน ซีดาน ของทีมชาติฝรั่งเศสนั่นเอง

อิเนียสต้าที่โชว์ฟอร์มดุจเทวดาพากระทิงดุเป็นแชมป์โลกกับเสียรางวัลให้กับเพื่อนร่วมสโมสรอย่างเมสซี่

แต่หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลง อะไรๆ ก็เปลี่ยนไป เสียงวิพากย์วิจารณ์อาจจะมองว่าการโหวตที่มาจากผู้เล่นหรือโค้ชจากชาติเล็กๆ ก็จะเลือกนักเตะที่โด่งดังในบ้านของตน หรือเอาที่พอรู้จัก ซึ่งผมกลับมองว่าที่จริงแล้วพวกชาติใหญ่ๆ นั่นแหละตัวดี เพราะปีหลังๆ เห็นมีการให้สัมภาษณ์หรือเปิดเผยออกมาทางสื่อว่าพวกเขาเลือกใคร ส่วนใหญ่ก็จะเลือกคนที่มีความสัมพันธ์กันมาอย่างดี
 
เช่นถ้าเป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งเป็นกัปตันทีมชาติโปรตุเกสเป็นคนเลือก เขาก็จะเลือกตัวเองไม่ได้ แต่กลับโยนโควต้าทิ้งไป ด้วยการไม่เลือก ลิโอเนล เมสซี่ ที่เป็นคู่แข่งอย่างเป็นทางการได้รับตำแหน่งนี้ แต่กลับเลือก ซลาตัน อิบราฮิโมวิช หรือ เซร์คิโอ รามอส ที่หลายๆ คนมองว่าได้ยากแน่ๆ แทน ส่วน เมสซี่ ก็ไม่ยอมโหวต โรนัลโด้ เช่นกัน และเลือกโหวตให้ ชาบี หรือ อิเนียสต้า ที่อยู่ทีมเดียวกันมากกว่า อะไรทำนองนี้
 
แล้วลองคิดดูเล่นๆ กันนะครับว่าปีนี้ ใครจะโหวตใคร ไม่น่าจะเดากันยากเท่าไหร่นะ
 
ซึ่งในปีนี้ 23 คนที่มีชื่อนั้นมาจากนักเตะทีมชาติเยอรมันถึง 6 รายด้วยกัน ซึ่งแน่นอนว่าส่วนตัวผมแล้ว 1 ใน 6 รายนี้ จะได้เข้าชิงฯ ที่จะประกาศกันวันที่ 1 ธันวาคม ส่วนอีก 2 รายคงหนีไม่พ้น โรนัลโด้ และ เมสซี่ กระมัง...
 
เวลาดูการประกาศรางวัล บัลลงดอร์ ยุคปัจจุบันทีไร ดูคล้ายๆ กับดู อคาเดมี่ แฟนเทเชีย ทุกปีไป เพราะมันเหมือนกับการที่ใครดังกว่า มีเอกลักษณ์เยอะกว่า หรือชื่อเสียงดูดีกว่า ก็โหวตให้กับคนนั้น เพียงแต่ต่างกันตรงที่ไม่ได้มองจากคนที่หล่อที่สุดแบบบ้านเรา....
 
ความหวังส่วนตัวของผมนั้นหวังว่าหลังจากโดนเสียงวิจารณ์มาตลอด 4 ปี จะทำให้ในหนนี้ เราจะได้เห็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลก ประสบความสำเร็จกับรางวัลส่วนตัวเสียที แม้ผมจะไม่ได้ชอบทีมชาติเยอรมัน หรือนักเตะเยอรมันชุดนี้มากมายนัก แต่ก็ชื่นชมในผลงาน
 
แต่....
 
ลองมองค้านตัวเองดูอีกที..... ในมุมกลับกัน ถ้าวัดกันจริงๆ แล้ว ผู้เล่นที่ติดมาอย่าง มาริโอ เกิทเซ่, ฟิลิปป์ ลาห์ม, โธมัส มุลเลอร์, มานูเอล นอยเออร์, โทนี่ โครส และ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ผลงานเฉพาะตัวล้วนๆ ของพวกเขายังถือว่าด้อยกว่า โรนัลโด้, เมสซี่ และ อาร์เยน ร็อบเบน หรือแม้กระทั่ง แกเร็ธ เบล ฉะนั้นปีนี้คงจะไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่มากนัก หาก "เจ็ทโด้" หรือ เมสซี่ จะได้รางวัลไปอีกสมัย เพราะต้องไม่ลืมว่า 2 คนนี้ผลงานฤดูกาลปกติโหดมากเหลือเกิน

แคนดิเดตที่มีสิทธิรับรางวัลฟีฟ่า บัลลง'ดอร์ พอตัดเหลือ 3 แล้วก็คงเดาได้ไม่ยาก

ซึ่งจะโทษ ฟีฟ่า อย่างเดียว ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนัก, โทษคนโหวตก็ดูจะเป็นการให้ร้ายจนเกินไป หรือจะมาโทษมนุษย์ที่เหนือมนุษย์ทั้ง 2 รายก็คงจะไม่ใช่ คงจะต้องโทษโชคชะตา ที่ดันเอา 2 คนนี้มาอยู่ในยุคเดียวกัน ย้ำอีกครั้งว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องแปลกหากคนคว้ารางวัลจะเป็นหน้าเดิมในปีนี้
 
แต่ในมุมมองของผม การที่ชูถ้วยกันอยู่ 2 คน มันแค่ทำให้มนต์ขลังของ บัลลงดอร์ ดูเสื่อมลงไปเท่านั้นเอง

P.D.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook