บทสรุป 3 เดือนแรกของลีกผู้ดี (ตอน2)

บทสรุป 3 เดือนแรกของลีกผู้ดี (ตอน2)

บทสรุป 3 เดือนแรกของลีกผู้ดี (ตอน2)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พรุ่งนี้ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะกลับมาลงเตะอีกครั้งแล้ว วันนี้เราไปดูท็อป 10 กันดีกว่ามีใครสอบผ่านสอบตกกันบ้าง

อันดับที่ 10 : เอฟเวอร์ตัน - ชนะ 3 เสมอ 5 แพ้ 3 ยิงได้ 20 เสีย 18 มี 14 คะแนน

ฤดูกาลที่แล้ว โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจในการคุมทีมครั้งแรก พา "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" ลุยศึก ยูฟ่า ยูโรปาลีก ได้สำเร็จ ทำให้แฟนๆ ลืม เดวิด มอยส์ ที่เป็นกุนซือมายาวนานถึง 10 ปีไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แต่พอมาในซีซั่นนี้ ไอ้โปรแกรม ยูโรปา เจ้าปัญหานี่แหละ ที่ทำให้ฟอร์มของพวกเขาหล่นลงไป รวมถึงอาการบาดเจ็บของนักเตะที่มีเข้ามาไม่หยุด ส่งผลให้ 3 เดือนแรกพวกเขาอยู่กลางคารางเท่านั้น ทั้งๆ ที่ซื้อนักเตะอย่าง โรเมลู ลูกากู มาได้แบบถาวรแล้วก็ตาม
 
คะแนนบทสรุปของ เดลี่ เมล : C+
บทสรุป P.D. : C

อันดับที่ 9 : สโต๊ค ซิตี้ - ชนะ 4 เสมอ 3 แพ้ 4 ยิงได้ 12 เสีย 13 มี 15 คะแนน

"ช่างปั้นหม้อ" เป็นอีกหนึ่งทีมที่ผมมองว่าส่อแววตกชั้นสูง เนื่องจากไม่ไว้ใจในตัวกุนซือ มาร์ค ฮิวจ์ส เท่าไหร่นัก แต่กลายเป็นว่าผมคิดผิดอย่างสิ้นเชิง หลังจากพวกเขาสามารถเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ 1-0 ซึ่งเป็นชัยชนะเกมแรกในซีซั่น ทำให้พวกเขาเล่นดีขึ้นเรื่อยๆ 5 เกมหลังสุด ชนะได้ถึง 2 หน และเป็นการชนะทีมอย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อีกด้วย ซึ่งนอกจากต้องชมนักเตะแล้ว ก็ควรจะต้องชมกุนซือ ที่เสริมทัพได้อย่างดี โดยเฉพาะแดนหน้า ที่ลากเอา มาเม่ บิราม ดิยุฟ เข้าสู่ทีม และกลายเป็นดาวซัลโวของสโมสรอยู่ในตอนนี้
 
คะแนนบทสรุปของ เดลี่ เมล : B+
บทสรุป P.D. : B+

อันดับที่ 8 : นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด - ชนะ 4 เสมอ 4 แพ้ 3 ยิงได้ 13 เสีย 15 มี 16 คะแนน

เป็นอีกหนึ่งสโมสรที่ฟอร์มร้อนแรงสุดๆ ในตอนนี้ หลังมีเรื่องมีราวมาอย่างต่อเนื่องตลอด 2 เดือนแรก จากผลงานที่พวกเขาไม่ชนะใครเลยใน 7 เกมแรก จนกระทั่ง อลัน พาร์ดิว กุนซือของทีมโดนแฟนบอลตัวเองสาปส่งให้โดนปลด ถึงขั้นมีการประท้วงกันยกใหญ่ แต่ใครจะรู้เล่าว่าหลังจากนั้นพวกเขาเอาชนะได้ 4 เกมติดต่อกัน และพาทีมจากก้นตารางมาอยู่ในอันดับที่ 8 ได้ ซึ่งผลงานน่าประทับใจอย่างมากกับการเอาชนะ ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (ลีกคัพ) ได้ ซึ่งต้องยกย่องบรรดานักเตะที่สู้เพื่อโค้ชได้ดีขนาดนี้

คะแนนบทสรุปของ เดลี่ เมล : B
บทสรุป P.D. : B+ (สำหรับการไต่ขึ้นจากนรก)

อันดับที่ 7 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - ชนะ 4 เสมอ 4 แพ้ 3 ยิงได้ 17 เสีย 14 มี 16 คะแนน

ถึงคิวทีมที่โด่งดังตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่สุดยอด หรือช่วงที่เลวร้ายสุดๆ แบบเมื่อฤดูกาลที่แล้ว หลังจาก เดวิด มอยส์ โดนเด้งออกไป ทีมก็ได้เสริมทัพอย่างยกใหญ่ ที่นำมาโดย หลุยส์ ฟาน กัล ผู้จัดการทีมคนใหม่ แต่ผลงานที่ออกมา กลับไม่เป็นไปตามที่คาดกันไว้ เพราะหลังผ่านไปแล้ว 11 เกม พวกเขายังทำได้เพียง 16 แต้ม พร้อมกับอยู่ในอันดับเดียวกับซีซั่นที่แล้วทั้งซีซั่น อย่างไรก็ตาม ถ้ามองกันดีๆ ในเกมการแข่งอย่างละเอียด ก็ต้องบอกได้ว่าพวกเขาเล่นบอลมีทรงมากขึ้น และสามารถฝากความหวังไว้ได้ ท้ายสุดที่แฟนบอลต้องการ คือการภาวนาให้นักเตะไม่เจ็บกันซ้ำๆ ไปมากกว่านี้อีก เพราะมันก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้พวกเขามีผลงานแค่นี้
 
คะแนนบทสรุปของ เดลี่ เมล : C-
บทสรุป P.D. : D (กับคุณภาพของนักเตะที่มี แม้ว่าจะเจ็บเยอะก็เถอะ)

อันดับที่ 6 : อาร์เซน่อล - ชนะ 4 เสมอ 5 แพ้ 2 ยิงได้ 19 เสีย 13 มี 17 คะแนน

เป็นอีกหนึ่งสโมสร ที่เสริมทัพเข้าทีมได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการดึง อเล็กซิส ซานเชซ, คัลลั่ม แชมเบอร์ส และ มาติเยอ เดบูชี่ แต่หลังจากพวกเขาคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว พวกเขากลับไม่ได้มีผลงานการเล่นที่น่าประทับใจเลยสักเกม มีเพียงแมตช์เดียวที่ผมดูว่า อาร์เซน่อล คือ อาร์เซน่อล นั่นคือการเอาชนะ กาลาตาซาราย 4-1 จากแฮตทริกของ แดนนี่ เวลเบ็ค เท่านั้น ที่เหลือผมยังไม่ถือว่าพวกเขาอยู่ในฟอร์มที่เข้าฝักเหมือนแต่ก่อน แถมเกมที่ควรจะชนะได้ ก็กลับสะดุดเสมอง่ายๆ มีบางเกมถึงขั้นตามไล่เจ๊าคู่แข่งอีกต่างหาก เลยถือว่าพวกเขาต่ำกว่ามาตรฐานอยู่พอควร แต่ก็เชื่ออีกว่าไม่นาน "ปืนใหญ่" จะกลับมาเป็น "ปืนใหญ่" ที่น่ากลัวในไม่ช้า
 
คะแนนบทสรุปของ เดลี่ เมล : D
บทสรุป P.D. : D-

อันดับที่ 5 : สวอนซี ซิตี้ - ชนะ 5 เสมอ 3 แพ้ 3 ยิงได้ 15 เสีย 11 มี 18 คะแนน

เปิดหัวมาก็เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ถึงถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แถมยังทำผลงานชนะ 3 เกมรวดในช่วงต้นฤดูกาล แม้จะมีสะดุดไปบ้างหลังจากแพ้ เชลซี 2-4 แต่หลังจากนั้นก็ถือว่าไม่ได้เล่นตกต่ำลงไปมากเกิน พิสูจน์ได้จากอันดับตารางที่ปัจจุบันรั้งที่ 5 ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งม้ามืดของฤดูกาลนี้เลยก็ว่าได้ ทั้งๆ ที่นักเตะก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรจากฤดูกาลที่แล้วมากนัก แถมกุนซือก็ยังเป็นคนเดิมกับปีที่แล้วนั่นก็คือ แกรี่ มังค์ ซึ่งในซีซั่นที่ผ่านมา เขายังเป็นกุนซือชั่วคราวอยู่เลย ถือว่ายอดเยี่ยมไปทั้งหมดทั้งผู้จัดการทีมและตัวนักเตะ แถมปิดฉาก 3 เดือนแรกด้วยการพลิกชนะ อาร์เซน่อล ได้อีก อู้หู......
 
คะแนนบทสรุปของ เดลี่ เมล : A
บทสรุป P.D. : A

อันดับที่ 4 : เวสต์แฮม ยูไนเต็ด - ชนะ 5 เสมอ 3 แพ้ 3 ยิงได้ 19 เสีย 14 มี 18 คะแนน

นี่เป็นอีกหนึ่งเซอร์ไพรส์ชองฤดูกาลนี้ อยู่ดีๆ ทีมของ แซม อัลลาร์ไดซ์ ก็กลายเป็นท็อปโฟร์ของตาราง ทำได้อย่างไร จนถึงทุกวันนี้ ทุกคนยังงงกันอยู่เลยครับ ผลงานการเล่นโดยเฉพาะ 5 เกมหลังสุด พวกเขาชนะ 3 เสมอ 2 ไม่แพ้ใคร ต้องบอกว่าเป็นผลงานที่เฉียบขาดสุดๆ นอกจากจะชมตัวกุนซือแล้ว ยังต้องยกเครดิตให้กับ เอนเนอร์ วาเลนเซีย รวมไปถึง ดิยาฟรา ซาโก้ 2 แข้งใหม่ที่ "บิ๊กแซม" นำเข้ามา เพราะแค่ 2 รายนี้ ก็ยิงกันรวมแล้ว 9 ลูก จาก 19 ประตูที่ทีมทำได้ทั้งหมด แถมยังมีเกมประทับใจอย่างการเอาชนะ ลิเวอร์พูล 3-1 และชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 อีก ทำให้แฟนๆ "ขุนค้อน" มีความสุขกันเป็นแถว
 
คะแนนบทสรุปของ เดลี่ เมล : A+
บทสรุป P.D. : A+

อันดับที่ 3 : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - ชนะ 6 เสมอ 3 แพ้ 2 ยิงได้ 22 เสีย 12 มี 21 คะแนน

แชมป์เก่าเมื่อฤดูกาลที่แล้วอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังเป็นหนึ่งตัวเต็งในการลุ้นแชมป์ต่อไป แต่สิ่งที่ทำให้แฟนบอล "เรือใบสีฟ้า" เคืองใจ คือการพลาดแพ้ต่อ สโต๊ค ซิตี้ 0-1, แพ้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-2 และเสมอ ควีนสปาร์ค เรนเจอร์ส 2-2 ทั้งๆ ที่สามารถยันเสมอ เชลซี ได้ 1-1 จากประตูของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ได้ ด้วยผลงานลุ่มๆดอนๆ แบบนี้แหละ ถือว่าเป็นฟอร์มที่อาจจะต่ำกว่ามาตรฐานลงไป ถ้าเทียบกับเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา รวมไปถึงถ้ามองดูไปถึงตัวนักเตะแต่ละคน ผู้เล่นอย่าง เอดิน เชโก้, ยาย่า ตูเร่ และ เฆซุส นาบาส ที่เป็นหัวใจแนวรุก กลับเล่นได้ไม่ดีเหมือนซีซั่นที่ผ่านมา แถม ซามีร์ นาสรี่ ก็ดันเจ็บบ่อยเกิน โชคดีที่ เซร์คิโอ อเกวโร่ หัวหอกคนสำคัญยังระเบิดฟอร์มได้ยอดเยี่ยมเหมือนเดิม ทำให้ทีมยังอยู่บนหัวตารางอยู่ในตอนนี้
 
คะแนนบทสรุปของ เดลี่ เมล : D+
บทสรุป P.D. : C (ถือว่าเป็นเกรดที่ระดับอย่าง แมนฯ ซิตี้ ไม่น่าได้รับ)

อันดับที่ 2 : เซาธ์แฮมป์ตัน - ชนะ 8 เสมอ 1 แพ้ 2 ยิงได้ 23 เสีย 5 มี 25 คะแนน

บอกได้คำเดียวว่า "เหลือเชื่อ!!" สำหรับทีมแพแตกอย่าง เซาธ์แฮมป์ตัน ทั้งๆ ที่เสียผู้เล่นตัวหลักไปบาน ไม่ว่าจะเป็น อดัม ลัลลาน่า, ริคกี้ แลมเบิร์ต, เดยัน ลอฟเรน, ลุค ชอว์ และ คัลลั่ม แชมเบอร์ส แต่กุนซือ โรนัลด์ คูมัน กลับใช้ผู้เล่นที่มีอยู่ ผสมผสานกับนักเตะใหม่โนเนมที่ซื้อเข้ามาเช่น ดูซาน ทาดิช, เชน ลอง, ซาดิโอ มาเน่ และที่ขาดไม่ได้คือ กราเซียโน่ เปลเล่ แม้ว่าจะเปิดหัวไม่ดีด้วยการพ่าย ลิเวอร์พูล 1-2 แต่หลังจากนั้นพวกเขาเอาชนะได้ถึง 8 เกม แถมเสียไปเพียง 5 ประตู ยิ่งในนัดที่เอาชนะ ซันเดอร์แลนด์ 8-0 เป็นอะไรที่ฮือฮาสุดๆ แต่แฟนๆนักบุญ อย่าเพิ่งดีใจไป เพราะต้องไม่ลืมว่าพวกเขายังไม่ได้เจอกับทีมใหญ่มากเท่าใดนัก เพราะที่ผ่านมา 2 เกมที่พบกับทีมใหญ่อย่าง "หงส์แดง" และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ พวกเขาก็แพ้ทั้งหมด ฉะนั้นต้องมาดูกันหลังจากนี้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
 
คะแนนบทสรุปของ เดลี่ เมล : A+
บทสรุป P.D. : A++

อันดับที่ 1 : เชลซี - ชนะ 9 เสมอ 2 ยังไม่แพ้ใคร ยิงได้ 28 เสีย 11 มี 29 คะแนน

เพียงแค่การเข้ามาของ ดีเอโก้ คอสต้า และ เชส ฟาเบรกาส ทำให้ทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ กลายเป็นสโมสรที่สมบูรณ์แบบที่สุดในประเทศอังกฤษเรียบร้อยแล้ว หลังจากฤดูกาลที่ผ่านมา ขาดความเฉียบคมในการยิงประตู จนทำให้ต้องพลาดแชมป์ไปอย่างไม่ได้ลุ้นถึงเกมสุดท้าย แต่มาในปีนี้ ก็กลายเป็นว่าพวกเขาอาจจะไม่ต้องลุ้นถึงเกมสุดท้ายเหมือนกัน แต่ตรงกันข้ามคือพวกเขาอาจจะได้แชมป์เร็วกว่าเดิม ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมในเกมรุก บวกกับความเคี่ยวของ "เฮียมู" ทำให้พวกเขายังคงดื้อด้าน ไม่แพ้ใครอยู่ในตอนนี้ เกมที่เจอกับทีมลุ้นแชมป์ด้วยกัน พวกเขาก็ขอแค่เสมอในการเป็นทีมเยือนก็พอใจ และปล่อยให้ทีมลุ้นแชมป์ด้วยกันไปสะดุดกับทีมเล็ก ส่วนตัวเองก็มุ่งมั่นกับการคว้า 3 แต้มกับทีมเหล่านั้น ทำให้พวกเขามีแต้มห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่าถึง 8 คะแนน เรียกได้ว่าทำเป้าหมายบรรลุผล 100 เปอร์เซ็นต์ เลยทีเดียว แต่ต้องไม่ลืมม้ามืดอย่าง เซาธ์แฮมป์ตัน ที่ไล่ตามมาด้วยละกัน
 
คะแนนบทสรุปของ เดลี่ เมล : A+
บทสรุป P.D. : S
 
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับบทสรุป 3 เดือนแรกของ 20 ทีมใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ น่าจะมีหลายต่อหลายคนที่ได้อ่านแก้เบื่อจากเกมทีมชาติลงไปได้บ้าง แต่อดใจรอแป๊บเดียวครับ 2 วันเท่านั้น ลีกที่ทุกๆ คนรอคอยก็จะกลับมา และมาดูกันสักหน่อยว่าทีมเหล่านี้ จะยังคงมีผลงานเหมือนกับ 11 เกมที่ผ่านไปหรือเปล่า และทีมที่คุณเชียร์ จะสามารถทำให้แต่ละคน "ฟิน" กันได้หรือไม่.....

P.D.

>>>คลิ๊กอ่านตอน 1 ที่นี่<<<

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook