ผีเชือดปืน "ฝีมือหรือแค่ฟลุ๊ค?"

ผีเชือดปืน "ฝีมือหรือแค่ฟลุ๊ค?"

ผีเชือดปืน "ฝีมือหรือแค่ฟลุ๊ค?"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ชัยชนะนอกบ้านเกมแรกในซีซั่นนี้ของ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะเป็นการบุกไปหักกระบอกปืน "ไอปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ถึงถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม 2-1 ประตู เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

ก่อนหน้าที่เกม "บิ๊กแมตช์" คู่นี้ จะเริ่มต้นขึ้น ขุนพล "เร้ด อาร์มี่" ของกุนซือมาดนิ่งที่สุดในโลกอย่าง หลุยส์ ฟาน กัล ไม่สามารถความหาชัยชนะยามออกไปเล่นนอกรังของตัวเองมา 7 เกมติดต่อกันเข้าไปแล้ว

โดยเป็นการแพ้ถึง 3 นัด และเสมอ 4 เกมด้วยกัน แต่ท้ายที่สุดสถิติแสนอุบาทว์ก็ถูกหยุดลงจนได้ เมื่อพวกเขา สามารถบุกไปเอาชนะ อาร์เซน่อล ได้ 2-1 ประตู ชนิดที่รูปเกมส์นั้น สู้ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
 
เกริ่นหัวมาเช่นนี้ อาจจะดูขัดใจแฟนผีสักเล็กน้อย แต่โปรดยอมรับเถอะครับว่า ถ้าเกมนั้นไร้ชื่อของ ดาบิด เด เคอา ที่ก่อนเกมส์มีข่าวว่าได้รับบาดเจ็บ ยืนเฝ้าเสา

ผมคิดว่า "ปีศาจแดง" อาจโดนถลุงประตูไปอย่างน้อย 2-3 ลูกเป็นแน่แท้ และแน่นอน "แมน ออฟ เดอะ แมตช์" ในเกมนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือน้อง "ลามะ" นั่นเอง

จะว่าวิลเชียร์ยิงไม่ดีก็ได้แต่ระยะขนาดนี้ต้องชมเดเคอาที่ปฏิกิริยาเร็วมาก

พูดถึงเรื่องฟอร์มการเล่น ผมในฐานะผู้ที่ถวายวิญญาณให้แก่ทัพอสูรแดง ต้องยอมรับตามตรงครับว่า มันคือเกมที่ผมดูแล้วรู้สึกอึดอัดที่สุดเกมนึง ในซีซั่นนี้เลยก็ว่าได้

เพราะ "ปีศาจแดง" เป็นฝ่ายที่โดนบุกกดกระหน่ำอยู่ตลอดเวลา แต่ก็โชคดีที่ยันเสมอไว้ได้จนจบครึ่งแรก... ช่วงพักครึ่ง ผมนั่งทบทวนดู เอ๊ะ! นี่ทีมเราสู้ไม่ได้จริงๆ หรือว่ามันเป็นแผนของ หลุยส์ ฟาน กัล กันแน่วะ?
 
ยอมรับว่าช่วงพักครึ่งนั้น หงุดหงิดมาก เนื่องด้วยรูปเกมที่แสนจะอึดอัด จนถึงขนาดต้องไหว้วานให้น้องชายปั่นจักรยานออกไปซื้อน้ำเก๊กฮวยมีฟอง มาซัดให้ชุ่มตับ พร้อมกับอัดนิโคตินเข้าปอด ให้หายเครียดสักเล็กน้อย ในใจตอนนั้นคิดแค่ว่า เกมนี้เสมอได้ก็บุญแล้ว

นัดนี้พี่ฟูเล่นดีเป็นพิเศษสังกัดสะจน "เด็กน้อย" ต้องลุกขึ้นมาโวยวาย

เกมในครึ่งหลัง ก็ยังคงเหมือนเดิม แมนฯ ยูฯ เป็นฝ่ายตั้งรับ โดยให้ เฟลไลนี่ เป็นหัวใจในแดนกลางคอยเคลื่อนเกมทั้งรับและรุก โดยมี อังเคล ดิ มาเรีย และ เวย์น รูนี่ย์ คอยใช้ความเร็วโต้กลับ

แต่ก็ยังไม่สำแดงผลสักเท่าไหร่นัก ในช่วง 50 นาทีแรกของเกม ส่วนนึงอาจเป็นเพราะ กองหน้าตัวเป้าของทีมอย่าง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ดูท่าทางจะติดเชื้อ อัดนาน ยานาไซ ที่ลงมาแล้วไม่ได้สร้างประโยชน์อันใดให้แก่ทีมเลย
 
เกมผ่านไปถึงนาทีที่ 56 ขณะที่ผมกำลังกระดกน้ำเก๊กฮวยเพื่อละลายความเครียด จากการโดนพับสนามบุกรอวันโดน ทันใดนั้นน้ำเก๊กฮวยก็แทบจะพวยพุ่งออกมาจากปาก เมื่อทีมรักของผม ได้ประตูขึ้นนำแบบซะงั้น จากการทำเข้าประตูตัวเองแบบงงๆ ของ คีแรน กิ๊บบ์ส!
 
1-0 ยูไนเต็ด บุกมานำ บอกตามตรง ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่า รูปเกมที่สู้แทบไม่ได้ กับระบบการเล่นที่ผมเชื่อว่า สาวก "เร้ดส์ อาร์มี่" แทบทุกคนจงเกลียดจงชังอย่าง 3-5-2 จะสามารถพังตาข่ายของ "เดอะ กันเนอร์ส" ได้...

หลังเสียประตู อาร์เซน่อล ที่บุกกระหน่ำมาตลอดทั้งเกม ก็เพิ่มอัตราความบ้าระห่ำในการบุกเข้าไปอีก ด้วยการดันมิดฟิลด์ขึ้นสูง และให้กองหลังเติมขึ้นมาอยู่เกือบกลางสนาม แต่ก็ไม่เป็นผล แถมยังโดน ยูไนเต็ด ทะลวงตาข่ายเมล็ดที่ 2 อีกด้วย

เมื่อพวกเขาตัดบอลได้ และสวนกลับเร็ว จังหวะนี้ต้องชม เฟลไลนี่ เลยว่าหลอกจ่ายตัดได้งามหยด และเป็น อังเคล ดิ มาเรีย ที่จ่ายบอลให้กับ เวย์น รูนี่ย์ หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงไม่เหลือซาก ขยับสกอร์เป็น 2-0 ชนิดที่ใครก็ไม่คาดคิดมาก่อน

เชื่อว่าช๊อตนี้จะสร้างความประทับใจให้เล่าผีแดงได้ครื้นเครง

น่าเสียดายที่ถัดจากนั้น ไม่นานภาพเดิมจากลูกที่ 2 ก็รีเพลย์ขึ้น แต่ไม่สำเร็จ เมื่อรูนี่ย์ ส่งให้ ดิ มาเรีย หลุดเดี่ยว แต่ "ปีกนางฟ้า" ค่าตัวเฉียด 60 ล้านปอนด์ กลับโชว์สกิลเทพที่เรียนรู้มากจาก "มหาเทพเวเบลิอุซ" ยิงชิพแบบเหนือชั้นถากเสาออกไปซะงั้น ไม่งั้นถ้าเป็น 3-0 มันจะสวยงามมาก
 
และเมื่อทำไม่ได้ ช่วงท้ายเกม โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ก็คืนความเสียวให้แฟนผี ด้วยการซัลโวอย่างสวยสดงดงาม วอลเลย์เข้าประตูไป ทำให้ "กันเนอร์ส" ไล่มาเป็น 2-1 ประตู ในช่วงทดเจ็บ ณ เวลานั้น ผมนั่งนิ่ง กัดเล็บ คิดในใจว่าซวยแล้วมรึง พรางหยิบเก๊กฮวยขึ้นมากระดกอีกเป็นขวดที่ 3
 
สิ้นเสียงนกหวีดยาวจากผู้ตัดสิน ความโล่งอกโล่งใจก็เข้ามาเยือนผมจนได้ เป็น 90 นาทีที่โคตรอึดอัดในการดู มีโล่งใจให้ได้หายใจหายคอหน่อยช่วงที่นำ 2-0 นาทีที่ 85 จำได้ว่าตอนนั้นผมยกมือขึ้นประนมไหว้โปสเตอร์ "ปีศาจแดง" ที่แปะอยู่รอบห้องโดยอัตโนมัติซะงั้น 5555
 
อย่างไรซะ พอจบเกมส์ ผมลองนึกดูว่า รูปเกมส์ที่ไม่สวยงามเอาซะเลยของ แมนฯ ยูไนเต็ด เกมนี้ เป็นแผนการและความตั้งใจในการวางหมากของ หลุยส์ ฟาน กัล หรือว่าเป็นความห่วยแตกของทีมเอง แต่ดันฟลุ๊คที่เอาชนะมาได้ (แบบงงๆ)

เหนียว แน่น หนึบ จริงๆ ชั่วโมงนี้ของ "ลามะ"

ผมดูเกมนี้จบ ผมดันไปนึกถึงเกมระหว่างทีมชาติฮอลแลนด์ กับ ทีมชาติสเปน ในศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่เกมนั้นเป็น "กระทิงดุ" ที่บุกกระหน่ำซัมเมอร์ซอลต์ใส่ "กังหันสีส้ม" ทั้งเกม แต่ท้ายสุดกลับเป็นขุนพลดัตซ์แมน ที่เก็บชัยชนะไปได้
 
ไม่แน่นะ นี่อาจจะเป็นแผนการของ ฟาน กัล ที่วางไว้จริงๆ ตามที่เจ้าตัวกล่าวอ้างหลังจบเกมก็ได้ ซึ่งถ้าจริงต้องบอกว่า เขามองเกมส์ได้ขาดเลยทีเดียว

แต่ได้โปรดอย่าลืมนะครับว่า เกมนี้น้อง เด เคอา ผีเข้า ยิงมาเป็นเซฟได้ตลอด ซึ่งถ้าเกิดเกมอื่น นายด่านวัยกะเตาะรายนี้ฟอร์มตกลงไปแล้วละก็... ผมนี่แทบไม่อยากจะคิดเลยนะครับ โศกอนาฏกรรมต้องบังเกิดขึ้นแน่ๆ
 
ท้ายสุด ผมจะบอกว่า ผมเป็นแฟน ยูไนเต็ด คนนึงที่ยังคงเชื่อมั่นว่า ฟาน กัล จะสามารถปรับจูนระบบให้เข้าที่ และพา "ปีศาจแดง" ให้กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้งนึง แม้จะไม่ชอบที่แกนิ่งจนเหมือนกับเอารูปปั้นมาคุมเกมข้างสนามก็ตามที แต่เห็นนิ่งๆ อย่างนี้ก็ทำทีมขึ้นมาอันดับ 4 แล้วนะครับ
 
ปล.อุ้ยย เหลือบไปดูตารางคะแนนใครอยู่ที่ 12 อ่ะ! นั่นมันทีมแชมป์ยุโรป 5 สมัยนี่หว่าา โหยยย ลงไปทำอะไรตรงนั้น ขึ้นมาให้ได้นะ .. . เห็นแล้วเครียดแทนเลย ไปหาเก๊กฮวยมีฟอง กินเพื่อฉลอง เอ้ย กินแก้เครียดดีกว่า 5555

ชิน ชินพัฒน์
เขียนโดย : Giggsmanu11

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook