ศศิธาราชงแผนกีฬาให้ครม.

ขอ26,000ล้านล่าทองอลป.

ดร.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เป็นประธานการประชุมคณะทำงานจัดทำแผนยุทธศาสตร์สร้างกีฬาไทยสู่ความเป็นเลิศ (พ.ศ. 2552-2559) เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ที่ห้องประชุมกระทรวงฯ ซึ่งคณะทำงานได้หารือร่วมกับสมาคมกีฬาต่าง ๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแผนพัฒนากีฬาไทยตลอดระยะเวลา 8 ปี โดยมุ่งเป้าไปที่การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 30 ลอนดอนเกมส์ ปี ค.ศ. 2012 และกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 31 ปี ค.ศ. 2016 ในกรอบวงเงิน 26,000,000,000 บาท

ที่ประชุมยังได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์สร้างกีฬาไทยสู่ความเป็นเลิศ แบ่งออกเป็น 3 ข้อ คือ 1.ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการจัดกิจกรรมของเอเชีย เช่น การเป็นเจ้าภาพกีฬา, เป็นศูนย์ฝึกการฝึกซ้อมระดับนานาชาติ, การจัดประชุมระดับนานาชาติ, 2.สร้างและพัฒนานักกีฬาอย่างเป็นระบบ ด้วยการเพิ่มสมรรถภาพนักกีฬาอย่างครบวงจร, การส่งแข่งขันระดับนานาชาติ, 3.ยกระดับบุคลากรกีฬาสู่ระดับนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร, ผู้ฝึกสอน, ผู้ตัดสิน

ส่วนเป้าหมายของนักกีฬาไทยนั้น เรื่องสำคัญที่สุด คือการคว้าเหรียญทองในกีฬาโอลิมปิก ซึ่งได้มีการกำหนดกีฬา 13 ชนิดให้ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย ประกอบไปด้วย มวยสากลสมัครเล่น, เทควันโด, ยกน้ำหนัก, ว่ายน้ำ, เทนนิส, กรีฑา, ยิงปืน, ฟันดาบ, ยิงเป้าบิน, วินด์เซิร์ฟ, แบดมินตัน, จักรยาน, เทเบิลเทนนิส โดยในกีฬาโอลิมปิก 2012 ตั้งเป้าให้ทัพนักกีฬาของไทยคว้ามาได้ 5 เหรียญทอง และในกีฬาโอลิมปิก 2016 ต้องคว้ามาให้ได้ 10 เหรียญทอง และจะผลักดันให้มีกีฬาไทยได้สิทธิที่ผ่านเข้าแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก เพิ่มขึ้นอีก 2 ชนิด จากที่กำหนดไว้ 4 ชนิด คือ เรือพาย, วอลเลย์บอลชายหาด, ยูโด และมวยปล้ำ

สำหรับ 16 สมาคมกีฬาที่ได้เสนอแผนพัฒนาสู่ความเป็นเลิศ พร้อมกับยื่นของบประมาณในการดำเนินงานนั้น ปรากฏว่า เทนนิส เป็นกีฬาที่เสนอของบประมาณมากที่สุด 1,282,516,222 บาท ส่วนสมาคมอื่น ๆ เรือพาย 1,044,240,355 บาท, ยิงปืน 845,486,726 บาท, ยกน้ำหนัก 821,710,270 บาท, กรีฑา 662,928,680 บาท, ว่ายน้ำ 598,950,000 บาท, มวยสากลสมัครเล่น 580,958,960 บาท, แบดมินตัน 507,824,000 บาท, ยิงเป้าบิน 323,112,600 บาท, เทควันโด 277,692,337 บาท, วินด์เซิร์ฟ 259,949,735 บาท ฟันดาบ 259,474,494 บาท, เทเบิลเทนนิส 221,805,000 บาท, มวยปล้ำ 217,581,000 บาท, เรือใบ 201,890,000 บาท, ยูโด 62,483,800 บาท

ดร.ศศิธารา ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การทำแผนยุทธศาสตร์สร้างกีฬาไทยสู่ความเป็นเลิศ จะนำเสนอต่อคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย (บอร์ด กกท.) เมื่อเห็นชอบเรียบร้อย จะได้นำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อให้อนุมัติงบประมาณตามที่เสนอไป ซึ่งแผนที่นำเสนอนี้ได้มีการระบุวิธีการและเป้าหมายอย่างชัดเจน เพื่อชี้แจงต่อสำนักงบประมาณและรัฐสภา ก่อนจะนำเงินทั้งหมดมาใช้จ่ายให้ตรงตามแผนและประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้.