แสงสว่างปลายอุโมงค์ของหงส์

แสงสว่างปลายอุโมงค์ของหงส์

แสงสว่างปลายอุโมงค์ของหงส์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อยากทราบเหมือนกันว่า หลังจบเกมบุกชนะบอร์นสมัธ “จ่าฝูง” เดอะ แชมเปี้ยนชิพ สวยหรู 3-1 พร้อมตีตั๋วเข้ารอบตัดเชือก ลีก คัพ ได้แล้ว

“ทิศทาง” ที่ควรวิจารณ์ผลงานของหงส์แดงควรเป็นอย่างไร?

ผมเอง “หลีกเลี่ยง” ตลอดในเรื่องการวิเคราะห์แบบสาดเสียเทเสีย เฉพาะอย่างยิ่งใน “กรณีลิเวอร์พูล” เพราะพื้นฐานทีมดีอยู่แล้ว

การจะมาเป็นทีมแย่ๆ เพียงชั่ว “ข้ามคืน” หรือไม่กี่เดือนจากวันเวลา “อันดับ 2” ในลีกซีซั่นที่ผ่านมา

มันเป็นไปไม่ได้!!!

เฉพาะอย่างยิ่ง อันดับ 11 ในลีก มันไม่ได้ “สะท้อน” ความเป็นจริง หรือตามภาษาอังกฤษ ก็คือ under perform หรือเล่นต่ำกว่ามาตรฐานที่ควรจะเป็น



ฉะนั้น ลิเวอร์พูล รอแค่ “เวลา” หรือ “ชนวน” อะไรสักอย่างที่จะมาปลดล็อก

ซึ่ง “แวบๆ” ในเกม “แดงเดือด” เหล่าขุนพล ลิเวอร์พูล ฉายแววบางสิ่งบางอย่าง ออกมา

ทั้ง “รูปแบบ” การเล่น Fault No.9 ที่มี ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เป็นตัวหลักสนับสนุนโดย อดัม ลัลลาน่า และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่

กองกลาง 4 ตัวใช้ สตีวี่ เจอร์ราร์ด เป็นหลักตรงกลาง และจอร์แดน เฮนเดอร์สัน ทางด้านขวา โดยนัดแพ้ แมนฯ ยูฯ 0-3 ใช้ โจ อัลเลน ยืนกลาง และมี อัลแบร์โต้ โมเรโน่ ยืนฝั่งซ้าย

ทว่าเกมนี้กับยอดทีมชายฝั่งทะเลอังกฤษ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ใช้ ลูคัส ยืนกลาง และลาซาร์ มาร์โควิช ยืนริมเส้นฝั่งซ้าย



นักเตะที่ถูก “กล่าวขวัญ” อย่างมาก คือ มาร์โควิช ดาวเตะเซิร์บจากเบนฟิก้าที่โชว์เล็กๆ ในเกมบาเซิลก่อนโดน “ใบแดง” และนัดที่ผ่านมากับทีมปิศาจแดง

ก่อนแจ้งเกิดเต็มตัวในแมตช์นี้

สุดท้าย คือ ระบบกองหลัง 3 ตัว: เดยัน ลอฟเรน, มาร์ติน สเคอร์เทล และ โคโล ตูเร่ ที่รายหลังได้เล่นเพราะ เกล็น จอห์นสัน เจ็บ 1 เดือน

ทว่าดูเหมือนจะเป็นผลดี เพราะซีซั่นนี้ ตูเร่เล่นดีทุกนัดที่ได้โอกาสลงสนาม ต่างจาก “จีเจ” ที่ไม่ค่อยประทับใจจ๊อด

ท้ายสุดๆ จริงๆ คือ การปรับใช้ แบรด โจนส์ ยืนนายทวารแทน ซิมง มิโญเล่ต์

นายทวารชาวออสซี่ “ดีกว่า” มิโญเล่ต์แน่นอนในเรื่องการ “ใช้เท้า” ที่สำคัญมากๆ สำหรับ “ปรัชญา” การเล่นของร็อดเจอร์ส และลิเวอร์พูล

อย่างน้อย โจนส์ ซึ่งถนัดซ้าย สามารถใช้เท้าได้ดีทั้ง 2 เท้า และดู “นิ่ง” แม้จะดูเหมือนจะมีจุดด้อยเรื่องการสื่อสารที่ผมมองว่า “เงียบไป”



รวมความแล้ว ระบบ 3-4-3 อาจจะ (แค่ “อาจจะ” นะครับ) เป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ของลิเวอร์พูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายชื่อ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ในฤดูกาลนี้

พูดถึง “ระบบการเล่น” หรือ “ฟอร์เมชั่น” แล้วก็นึกถึงซีซั่นที่แล้ว เพราะกว่าหงส์แดงจะ “เข้าที่” ก็พอสมควรเหมือนกันกับสูตรมิดฟิลด์ “ไดมอนด์”

ก่อนหน้านี้ หลัง “ซาบซึ้ง” กับชีวิตที่ปราศจาก หลุยส์ ซัวเรซ ตามด้วย แดเนียล สเตอร์ริดจ์

และทราบว่า มาริโอ บาโลเตลลี่ คือคนที่ “ไม่ใช่”

กุนซือไอร์แลนด์เหนือ พยายามจะปรับสูตรการเล่นครั้งใหญ่มา 1 หนแล้ว ด้วยการปรับ เจอร์ราร์ด มาเล่น “หน้าต่ำ”

แต่ความพยายามดังกล่าวไม่เป็นผล อาจเป็นเพราะ สตีวี่ จี เลยวัยทะลุทะลวงไปแล้ว แม้ภาพรวมจะถือว่า กัปตันทีมหงส์แดงทำได้ไม่ขี้เหร่ก็ตาม

ก่อนสุดท้าย ร็อดเจอร์ส จะ “เดิมพัน” และ “เสี่ยงที่สุด” ในชีวิตกุนซือด้วยการเลือกเกม “แดงเดือด” อันเป็นเกมพรีเมียร์ลีกนัดที่ 16 ในฤดูกาล

เป็นแมตช์ “เปิดตัว” ระบบการเล่นใหม่ 3-4-3 ที่มี สเตอร์ลิ่ง เป็น “ตัวหลัก” ในเกมรุก

ตามด้วยเกมนี้ และนัดต่อไปที่มีคิวเปิดบ้าน แอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ อาร์เซนอล ในศึก “ซูเปอร์ซันเดย์” นี้

ครับ ถึงเวลานี้ “จุดอ่อนหลัก” ทั้ง มิโญเล่ต์ และ เกล็น จอห์นสัน รวมถึง บาโลเตลลี่ ได้ถูก “กำจัด” ออกจากทีม 11 คนแรกไปแล้ว

เช่นกัน “ฟอร์เมชั่น 3-4-3” ถูกพัฒนามาในทิศทางที่น่าสนใจมากๆ จาก 2 นัดล่าสุดที่ถูกนำมาใช้ในเกมสำคัญ และ “ไม่ง่าย”

ฉะนั้น หากสุดสัปดาห์นี้ อาร์เซนอล ตกเป็น “เหยื่อ” คาแอนฟิลด์ ผมว่า ช่วงโปรแกรมโหดๆ ตอนคริสต์มาส และนิวเยียร์ แฟนหงส์มีสิทธิกลับมามี “รอยยิ้ม” อีกครั้งครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook