บิ๊กอ๊อดพอใจอินดอร์เกมส์

แม้ผลงานไม่ทะลุเป้านักกีฬารับอัดฉีด23ล.เจ้าภาพปิดเรียบง่าย

วอน อ่อนวงค์-พีระพันธ์ แผนดี ผู้สื่อข่าวและช่างภาพกีฬาเดลินิวส์ รายงานข่าวการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยน อินดอร์เกมส์ ครั้งที่ 3 จากประเทศเวียดนาม โดยเมื่อ 8 พ.ย. เจ้าภาพได้จัดพิธีปิดขึ้นที่สนามอินดอร์สเตเดี้ยม ภายในสนามกีฬาแห่งชาติมีดิงห์ ท่ามกลางผู้ชมกว่า 3,000 คน ภายใต้แนวคิดที่ว่า ลาก่อนเพื่อน พร้อมกับจัดชุดการแสดงไว้ 2 ชุด คือ ชุดที่ 1 การแสดงพาเหรด และชุดที่ 2 ศักยภาพของศิลปิน ท่ามกลางบรรยากาศที่เรียบง่าย แต่สร้างความประทับใจชาติสมาชิกเป็นอย่างมาก

จากนั้น นายฮวง ตวน อันห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ท่องเที่ยว และกีฬาของเวียดนาม ได้มอบธงเจ้าภาพคืนให้กับ ชีค อาหมัด อัล ฟาฮัด อัลซา บาห์ ประธานสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) ก่อนที่ โอซีเอ จะดำเนินการคัดเลือกชาติเจ้าภาพจัดการแข่งขันเอเชี่ยนอินดอร์และมาเชียลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 4 ที่คาดว่าจะมีขึ้นในปี 2011 ต่อไป ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้ มี 8 ประเทศ ที่ไม่ได้เหรียญ ได้แก่ เยเมน, พม่า, ภูฏาน, โอมาน, เติร์กเมนิสถาน, เนปาล, มัลดีฟส์ และ เกาหลีเหนือ

บิ๊กอ๊อด พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ กล่าวถึงผลงานของนักกีฬาไทยที่คว้ามาได้ 19 ทอง 17 เงิน 34 ทองแดง ว่า ภาพรวมถือว่าน่าพอใจเพราะเราทำได้ 19 ทอง เท่ากับการแข่งขันใน 2 ครั้งที่ผ่านมา ส่วนตัวแล้วตั้งเป้าในใจว่าหากเราทำได้ 14-15 ทอง ก็ถือว่าสอบผ่านแล้ว เนื่องจากหลายชาติได้พัฒนาไปไกลมาก มาตรฐานของเกมก็สูงขึ้นมากตามไปด้วย ขณะที่ ไทยเองก็ไม่ได้ส่งนักกีฬาเข้าร่วมหลายรายการโดยเฉพาะกีฬาเอ็กซ์ตรีม ที่เคยได้ถึง 7 ทอง ก็ไม่มีการบรรจุเข้าแข่งขัน ส่วนกรณีที่ผลงานไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่แต่ละสมาคมตั้งไว้ก่อนแข่งขันนั้น ก็มาจากบางสมาคมกีฬาไม่ได้เหรียญทองเลึ่งเรื่องนี้ทางคณะกรรมการโอลิมปิคฯ และสมาคมกีฬา ก็จะต้องหารือกันในการสัมมนาที่จะมีการจัดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ เพื่อหาบทสรุปและแนวทางแก้ไขและปรับปรุงต่อไป

บิ๊กต้อม นายธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะนักกีฬาไทย กล่าวว่า ภาพรวมของนักกีฬาไทยอาจจะทำได้ต่ำกว่ามาตรฐานแต่ก็ถือว่าน่าพอใจ เนื่องจากครั้งนี้หลายประเทศทั้ง จีน, คาซัคสถาน, อุซเบกิสถาน ต่างเอานักกีฬาฝีมือดีมาร่วมแข่งขันมากกว่าเอเชี่ยน อินดอร์เกมส์ ครั้งที่ 1 และ 2 เช่นเดียวกับทางฝั่งตะวันออกกลาง ที่มีการโอนสัญชาตินักกีฬาจากชาติอื่นๆ มาเล่นด้วย นอกจากนี้ยังรวมถึงชนิดกีฬาที่ตัดสินด้วยสายตา ทางกรรมการก็ค่อนข้างจะเอาใจเจ้าภาพ ทั้ง คิกบ๊อกซิ่ง, ลีลาศ และสปอร์ตแอโรบิค ทำให้นักกีฬาไทยคว้าเหรียญทองได้ยาก ที่สำคัญบางสมาคมก็ได้เก็บนักกีฬาคนสำคัญเพื่อเอาไว้สู้ศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 25 ที่ประเทศลาว อีกด้วย โดยหลังจากนี้เราจะมีการประเมินผลร่วมกับสมาคมกีฬาเพื่อหาจุดบกพร่องนำไปสู่การปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นต่อไป

บิ๊กจา พล.ต.จารึก อารีราชกา รัณย์ รองประธานและเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยถึงเจ้าภาพการแข่งขันเอเชี่ยนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ท์เกมส์ ครั้งที่ 4 ที่จะจัดขึ้นในปี 2011 ว่า ในการประชุมโอซีเอ ซึ่งทางกาตาร์ ที่เคยจะรับเป็นเจ้าภาพ แต่ได้ขอถอนตัวไปนั้น เรื่องนี้ทางบาห์เรน แสดงความสนใจอย่างจริงจังที่จะรับหน้าเสื่อจัดการแข่งขันรายการนี้ แต่ โอซีเอ ยังไม่ให้มอบสิทธิ์นี้ให้ชาติใดและจะส่งหนังสือเวียนให้ชาติต่างๆ เตรียมความพร้อมก่อนเสนอตัวต่อไป

ส่วนโบว์ลิ่งไทย ที่ไม่ได้เหรียญรางวัลจากการแข่งขันเลยนั้น นางสุวลัย ศัตรูลี้ เลขาธิการสมาคมโบว์ลิ่งฯ กล่าวว่า ยอมรับว่านักกีฬาทำผลงานไม่ดีนัก เพราะมีการเปลี่ยนระบบการแข่งขันที่คัดเอาม่ง 8 คน ก่อนจะเข้ารอบชิงฯ รอบที่ 2 เป็นแบบน็อกเอ้าท์ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ซึ่งก็หวังจะทำผลงานให้ดีเพราะในซีเกมส์ ครั้งที่ 25 ที่ลาว จะไม่มีการแข่งขันโบว์ลิ่ง ทัวร์นาเม้นท์นี้จึงสำคัญต่อการลุ้นโควตาไปแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 16 ที่ประเทศจีน แต่เมื่อผลงานไม่เป็นไปตามเป้าหมายยอมรับว่าโอกาสที่จะไปเล่นในเอเชี่ยนเกมส์ ก็ลดน้อยไปด้วย

สำหรับยอดเงินรางวัลอัดฉีดที่นักกีฬาไทย ซึ่งคว้าได้ 19 ทอง17 เงิน และ 34 ทองแดง ตามหลัก เกณฑ์ของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เหรียญทอง 200,000 บาท เหรียญเงิน 100,000 บาท และเหรียญทองแดง 50,000 บาท ส่งผลให้นักกีฬาไทยจะได้รับเงินอัดฉีดรวม 15,400,000 บาท, ผู้ฝึกสอน ได้รับ 30 เปอร์เซ็นต์ เป็นเงิน 4,620,000 บาท และสมาคมกีฬา ได้รับ 20 เปอร์เซ็นต์ เป็นเงิน 3,080,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 23,100,000 บาท

ทั้งนี้เมื่อคิดรวมกับอีก 3 มหกรรมกีฬาใหญ่ ก่อนหน้านี้ ประกอบด้วย เอเชี่ยน ยูธ เกมส์ ครั้งที 1 ที่สิงคโปร์ ที่คว้ามาได้ 11 ทอง, 7 เงิน, 2 ทองแดง ได้รับเงินอัดฉีด 9,100,000 บาท, เอเชี่ยนมา เชียลอาร์เกมส์ ครั้งที่ 1 ที่ไทย คว้ามาได้ 21 ทอง, 17 เงิน, 16 ทองแดง ได้รับเงินอัดฉีด 10,500,000 บาท และอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 5 ที่มาเลเซีย คว้ามาได้ 157 ทอง, 75 เงิน และ 57 ทองแดง ได้รับ 18,600,000 บาท รวม 4 มหกรรมกีฬาจะเป็นเงินทั้งสิ้น 61,300,000 บาท.