2 อาคันตุกะผู้อันตราย
วันนี้แล้วนะครับที่ทีมสโมสรตัวแทนจากประเทศไทยจะได้ลงสนามในศึก “เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก” ฤดูกาล 2015 ฟุตบอลถ้วยรายการใหญ่ที่สุดของทวีปเอเชียอย่างเป็นทางการ
ถึงจะยังเป็นเพียงเส้นทางของรอบคัดเลือกรอบที่ 2 ก็ตาม..
โดย ชลบุรี เอฟซี จะเปิด ชลบุรี สเตเดี้ยม ต้อนรับแชมป์ลีกจาก ฮ่องกง อย่าง คิทฉี เอสซี และ บางกอกกลาส เอฟซี จะเปิด ลีโอ สเตเดี้ยม ต้อนรับแชมป์ลีกจาก มาเลเซีย อย่าง ยะโฮร์ ดารุล ทาซิม
ด้วยชื่อชั้นของ 2 อาคันตุกะผู้มาเยือนที่ดูจะไม่ใช่ยอดทีมมีชื่อของทวีปเอเชียและไม่ได้มาจากชาติที่มีลีกฟุตบอลเก่งฉกาจเหนือกว่า 2 ทีมจากแดนสยามแต่อย่างใด
จึงทำให้บรรดาผู้สันทัดกรณีและไม่สันทัดกรณีของวงการฟุตบอลเอเชียต่างเชื่อว่า คงไม่ใช่เรื่อง “ยาก” สำหรับทีม “ฉลามชล” และ “กระต่ายแก้ว” ที่จะผ่าน 2 ทีมดังกล่าวเข้าสู่ด่านต่อไปในรอบคัดเลือก รอบที่ 3 ได้สำเร็จ
ทว่าในความเป็นจริงคงไม่ “ง่าย” เหมือนที่กูรูทั้งหลายคาดคิด
แม้ทั้ง ชลบุรี เอฟซี และ บางกอกกลาส เอฟซี จะได้เปรียบอย่างมหาศาลในเรื่องของความคุ้นเคยกับสภาพสนามและเสียงเชียร์ของแฟนฟุตบอลจากสถานะความเป็น “เจ้าบ้าน” ก็ตามที
หากแต่ว่าในเรื่องของสภาพทีมโดยรวมนั้นนั้น ต้องบอกว่า 2 อาคันตุกะผู้มาเยือนไม่ได้เป็นรอง 2 ทีมจากแดนสยามชนิดสู้ไม่ได้แต่อย่างใด
เผลอๆอาจจะมีศัยภาพดีพอที่จะลุ้นสร้าง “เซอร์ไพร์ส” ให้เกิดขึ้นได้ด้วย
โดย คิทฉี เอสซี คู่แข่งของทีม “ฉลามชล” นั้นมี ฟรานซิสโก โมลีน่า อดีตผู้รักษาประตูมีชื่อชาวสเปนของ แอตเลติโก มาดริด และ ลา คอรุนญ่า 2 สโมสรจาก ลา ลีกา
รวมถึงเคยรับหน้าที่ผู้จัดการทีมของ “เรือดำน้ำสีเหลือง” บียาเรอัล เป็นผู้จัดการทีมคอยวางแทคติคแก้เกม และมีขุมกำลังนักเตะที่แข็งแกร่งจากสเปนกับบราซิลเป็นแกนหลักของทีม ผสมผสานด้วยแข้งทีมชาติ ฮ่องกง อีก 4 – 5 คน
นั่นจึงทำให้แชมป์จากลีกฮ่องกงไม่ได้มีสภาทีมอ่อนยุ่ย ชนิดที่ทีม “ฉลามชล” จะเจาะทะลวงได้ง่ายๆ
มิหนำซ้ำ คิทฉี เอสซี นั้นไม่ใช่ทีมตาสีตาสาที่เพิ่งจะได้รับโอกาสลงเล่นระดับทวีปเอเชียเป็นครั้งแรกเสียเมื่อไหร่ เนื่องจากก่อนหน้านี้พวกเขาก็เคยผ่านเวทีอย่าง เอเอฟซี คัพ มาก่อนแล้ว โดยล่าสุดเมื่อฤดุกาลที่ผ่านมาก็เพิ่งทะลุผ่านเข้าสู่รอบ ควอเตอร์ไฟนอล ของ เอเอฟซี คัพ ได้ด้วย และที่สำคัญ คิทฉี เอสซี ก็อยู่ในช่วงที่มีสภาพความฟิตสมบูรณ์เต็มที่จากการเก็บตัวแข่งขันมาอย่างต่อเนื่องในลีกสูงสุด ฮ่องกง ด้วย
ฉะนั้นจากขุมกำลังและประสบการณ์ รวมถึงความพร้อมของ คิทฉี เอสซี ที่มีติดตัวจึงไม่ใช่เรื่อง “ง่าย” สำหรับทีม “ฉลามชล” ที่จะขย้ำเอาชัยไปได้แบบสบายๆ และหากประมาทเลิ่นเล่อก็มีโอกาสทีเดียวที่จะพลาดท่าเสียทีให้ผู้มาเยือนจาก ฮ่องกง ทีมนี้
ส่วน ยะโฮร์ ดารุล ทาซิม คู่ประชันของ บางกอกกลาส เอฟซี นั้นมี โบยาน โฮดัก กุนซือชาว โครเอเชีย เป็นคนคุมทีม และมีขุมกำลังนักเตะสำคัญล้วนแล้วแต่มีดีกรีระดับทีมชาติ มาเลเซีย ชุด อาเซียนคัพกว่าค่อนทีม
ไม่ว่าจะเป็น ฟาริซาล มาริลาส , มาฮาลี จาซูลี่ , ฟาด์ลี่ ชาส , คุนนาลาน ซูบรามาเนียน , ซาฟิค ราฮิม , อัมรี ยาห์ยา และ ซาฟิอี ซาลี และยังผสมผสานด้วยมิดฟิลด์ทีมชาติ สิงคโปร์อย่าง ฮาริส ฮารุน
รวมถึง 2 แข้งมีชื่อจากอเมริกาใต้อย่าง มาร์คอส อันโตนิโอ เอเลียส อดีตแข้งของ เนิร์นแบร์ก ชาวบราซิล , ลูเซียโน ฟิเกอรัว ดาวยิงอาร์เจนไตน์มากประสบการณ์ รวมถึง ฮอร์เก เปเรย์รา ดิอาซ อดีตดาวยิงของทีม ลานุส ในลีก อาร์เจนตินา
และเฉกเช่นเดียวกันกับ คิทฉี เอสซี ที่ ยะโฮร์ ดารุล ทาซิม ก็อยู่ในช่วงที่ฟิตเต็มถังจากการเตรียมทีมลงแข่งในมาเลเซีย ซูเปอร์ลีก ฟุตบอลลีกสูงสุดของแดนเสือเหลืองที่เริ่มลงสนามแข่งขันไปแล้วในช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ดังนั้นจากความแข็งแกร่งของทัพนักเตะที่เรียกได้ว่าเป็น ทีมชาติมาเลเซีย ผสมกับ ทีมชาติ สิงคโปร์ บวกกับ 2 ตัวอันตรายจาก บราซิล และ อาร์เจนตินา มันจึงไม่ “ง่าย” เช่นกันสำหรับ “กระต่ายแก้ว” ที่จะสยบเจ้าของฉายา “เสือใต้” จากมาเลเซียทีมนี้ และหากประมาทเลินเล่อก็อาจพลาดท่าให้กับเสือร้ายตัวนี้ก็เป็นได้
ด้วยเหตุนี้มันจึงน่าติดตามว่าในท้ายที่สุดบทสรุปการเริ่มต้นถ้วยใหญ่ของทวีปเอเชียของทั้ง ชลบุรี เอฟซี และ บางกอกกลาส เอฟซี ในการเผชิญหน้ากับ 2 อาคันตุกะผู้อัตราย อย่าง คิทฉี เอสซี และ ยะโฮร์ ดารุล ทาซิม จะจบลงเช่นไร
สิ้นเสียงกรรมการนกหวีดเป่าหมดเวลาค่ำนี้เราก็จะได้รู้กันครับ