"โชคดี" ถึงเวมบลีย์ 30 พ.ค.

"โชคดี" ถึงเวมบลีย์ 30 พ.ค.

"โชคดี" ถึงเวมบลีย์ 30 พ.ค.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ช่วงหลังผมเขียนถึงทีม “ปีศาจแดง” แมนฯ ยูไนเต็ด บ่อยๆ แต่ 2 ครั้งหลังสุด ชื่อเรื่อง 1.ฟาน ฮัล ผิดอะไร และ 2.ฟาน ฮัล บ้าไปแล้ว น่าจะ “ตอบโจทย์” ครอบคลุมสถานการณ์ล่าสุดของยอดทีมเมืองแมนเชสเตอร์มากที่สุดแล้วล่ะครับ

สรุปสั้นๆ อีกที: ฟาน ฮัล ผิดอะไร?
ตอบ : ผิดที่ไม่สามารถทำทีมในสไตล์บุก รุก สวยงาม และชนะแบบที่แฟนๆคุ้นเคย หรือชนะแบบ “แมนฯ ยูฯ สไตล์”

ฟาน ฮัล บ้าไปแล้ว! บ้ายังไง?
ตอบ : ก็ที่มาอธิบายให้ แซม อัลลาร์ไดซ์ และนักข่าวเรื่อง “โยนยาว” จนเป็นประเด็นครึกโครมหลังแมตช์เสมอ 1-1 ที่อัพตัน ปาร์ค นั่นแหละครับ

นอกจากนี้ ก่อนเกมชนะเปรสตัน 3-1 ในเอฟเอ คัพ รอบ 5 เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา เวลาในการพรีวิวค่อนข้างมาก เพราะไม่ได้เตะเสาร์/อาทิตย์

อีกประเด็นที่ “ฮอต” ขึ้นมา คือ ตำแหน่งการเล่นของ เวย์น รูนี่ย์ ที่ไล่จากกุนซือทีมชาติอังกฤษ รอย ฮอดจ์สัน เรื่อยไปจนถึงกูรูอดีตผู้เล่น แมนฯยูไนเต็ด อย่าง พอล สโคลส์ ฯลฯ

ต่างอยากเห็น “เจ้าหมูพลิ้ว” เล่นกองหน้า ไม่ใช่ “กองกลาง” เหมือนที่ถูก ฟาน ฮัล พยายามยัดเยียด และยืนยันก่อนไปเยือน ดีพเดล สเตเดี้ยม ว่า รูนี่ย์ คือ กองกลางของเค้า!

แต่จะด้วยเหตุผลกลใดสุดแล้วแต่ แมตช์กับเปรสตัน กลายเป็นว่า รูนี่ย์ ถูกจับมาเล่นกองหน้าคู่กับ ราดาเมล ฟัลเกา ในเกมที่กุนซือดัตช์ใช้ระบบ 4-4-2 แบบ “ไดมอนด์” เหมือนเดิม

กองกลางมีการปรับบ้าง เพราะใช้ อันเดร เอร์เรร่า มายืนฝั่งขวา และ อังเคล ดิ มาเรีย ฝั่งซ้าย โดยมี มารูยาน เฟลไลนี่ ยืน “หัวไดมอนด์” และ ดาลี่ย์ บลินด์ ยืน “ฐานไดมอนด์”

ส่วนแผงหลังจะเป็น “ฟูลแบ็ก” จอมลุย อันโตนิโอ บาเลนเซีย และ ลุค ชอว์ ทางขวา/ซ้าย และใช้ คริส สมอลลิ่ง ยืนแนวรับตัวกลางคู่ มาร์กอส โรโฮ และ ดาวิด เด เกอา เป็นนายทวาร

ครับ นี่คือ ชุด 11 คนแรก ที่ดีที่สุดชุดหนึ่ง หรือเท่าที่ ฟาน ฮัล จะจัดทัพได้โดยพัก “บิ๊กเนม” เพียงแค่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ และ ฆวน มาต้า เท่านั้น

คำถาม : รูนี่ย์ ควรเล่นตำแหน่งใด?

ตอบ: จากเกมนี้ ผมตอบอย่างไม่ต้องคิดเลยครับว่า “กองหน้า” เพราะความสามารถ และความพยายามในการวิ่งตัดหลังแบ็ก (get behind defenders) โดยเฉพาะ ทอม คล้าร์ก คือ “มูลค่า” ที่แนวรุกคนอื่นในทีมทำไม่ได้

พูดให้เห็นภาพก็คือ ยามใช้ ฟาน เพอร์ซี่ – ราดาเมล ฟัลเกา ปัญหา คือ “มูฟเมนต์” ที่ทั้ง 2 คน วัยแตะ หรือเลย “เลข 3” มีการเคลื่อนที่น้อย

วิ่งตัดหลังแบ็กแบบรูนี่ย์ทำเฉพาะในครึ่งแรกน่าจะสัก 5 ครั้ง ได้แทบไม่มี หรือวิ่งมุมธงไปหาที่ว่างทางซ้าย หรือขวาเพื่อรับบอล/พักบอล ก็ไม่มี

บอลจึงมักจะตายอยู่ตรงกลาง!

เกมนี้จึงเห็นได้ว่า รูนี่ย์สร้าง “มิติ” ดังกล่าวขึ้นมา และเปิดโอกาสให้ ดิ มาเรีย ที่ชอบออกบอลเร็วได้เปิดบอลทะลุ หรือ killer pass บ่อยครั้ง

เกมนี้ กองหน้ากัปตันทีมวัย 29 ปี ยังได้รับ “รางวัล” เป็นประตูแรกในรอบ 952 นาที แม้จะเป็น “จุดโทษ” ที่หลายคนมองว่า รูนี่ย์พุ่งล้ม

แต่ส่วนตัว ผมมองเป็น “เหลี่ยมบอล” ที่รูนี่ย์อ่านขาด และทราบว่า ธอร์สเท่น สตัคมันน์ นายทวารเปรสตันจะเพลี่ยงพล้ำ

เช่นกัน การไปยืนในตำแหน่งออฟไซด์ แต่ฉลาด และเก๋า เพราะทำตัว “ไม่รบกวน” หรือรบกวนสตัคมันน์น้อยที่สุดพร้อมกับไม่ยืน “บดบัง” เส้นทางบอลจาก เอร์เรร่า


ฟิล ดาวด์ จึงเป่านกหวีดยาวเป็นประตู ขณะที่ประตู 2-1 โดย เฟลไลนี่ ก็ถือว่า ยกผลประโยชน์ให้จำเลยในความแข็งแกร่งของยักษ์เบลเยียม

ทั้งที่ เฟลไลนี่ ผลักคู่แข่งก่อนขึ้นโขก ก่อนจะตามมาด้วยการซ้ำโล่งๆ

มากกว่านั้น ก่อนประตูตีเสมอนาทีที่ 65 ลูกทีมฟาน ฮัล ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเหมือนแทบทุกนัด ก่อนหน้านี้ที่แพ้แค่นัดเดียวจาก 19 นัดล่าสุด

ยิ่งมาโดนยิงนำนาทีที่ 47 โอกาสเกิด แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์ บอกตามตรงว่า “สูงมาก”

แต่ก็เหมือนเดิมครับ ที่บางครั้ง บางเวลา ทีมชุดนี้ค้นพบอะไรบางอย่าง โดยเฉพาะสภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง ประกอบกับ “แผน B” ด้วยการใช้ เฟลไลนี่ ลุยขึ้นสูงต่อสู้ลูกกลางอากาศ

และแก้เกมถอด ราดาเมล ฟัลเกา ออก, ใส่ แอชลี่ย์ ยัง ลงไปแทนตั้งแต่นาทีที่ 60

คำถาม : ยามทีมต้องการประตู กุนซือดัตช์เลือกถอดกองหน้า, ใส่กองกลาง!?

ตอบ : ยิ่งทีมปิศาจแดง “คัมแบ็ก” กลับมาได้ มูลค่าความสำคัญของหอกโคลอมเบียจึงแทบไม่เหลือ และกลายเป็นอีก “เฮดไลน์” ของเกมนี้ทันที

(ไว้วันหลังผมจะมาเขียนเรื่อง “ฟัลเกา” นะครับ)

สรุป: สำหรับผม ทีมชุดนี้ยังมีความเป็น “แมนฯ ยูฯ” อยู่บ้าง/พอสมควรตรงที่ “จิตใจ” เข้มแข็ง และเก็บผลการแข่งขันได้โดยไม่ต้องเล่นดี

การเปิดจาก “ริมเส้น” มีอยู่เรื่อยๆ แต่เปลี่ยนจาก เดวิด เบ็คแฮม เป็นบาเลนเซีย, และเปิดสูงให้เฟลไลนี่ แทนที่จะระดับศีรษะให้ แอนดี้ โคล, ดไวท์ ยอร์ค, รุด ฟาน นิสเตลรอย ฯลฯ

ดาวิด เด เกอา ก็ไม่ต่างอะไรกับ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ที่เป็นกระดูกสันหลังของทีม

ฉะนั้น และฉะนี้ มันคงไม่แปลกที่ แมนฯ ยูฯ ชุดนี้จะ “โชคดี” หรือเล่นไม่ดีแต่ชนะ หรือไม่แพ้แบบนี้ไปเรื่อยๆ จนถึงเวมบลีย์ 30 พ.ค. ครับ

ไข่มุกดำ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook