"กลับมายืนที่เดิม"

"กลับมายืนที่เดิม"

"กลับมายืนที่เดิม"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลุยส์ ฟาน ฮัล ไม่สามารถนำความเบิกบานมาสู่หัวใจของเหล่าสาวกปิศาจแดงได้ในนัดเปิดฤดูกาลของพรีเมียร์ลีกปีนี้ เมื่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประเดิมแมตช์แข่งขันจริงนัดแรกภายใต้ผู้จัดการทีมคนใหม่ ด้วยความพ่ายแพ้คาโอลด์ แทรฟฟอร์ด

กุนซือชาวดัตช์และแฟนผีถูกปลุกให้ตื่นจากความเคลิ้มฝันที่ว่า ทีมจะกลับสู่ความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง หลังตกต่ำไปหนึ่งปีด้วยน้ำมือของเดวิด มอยส์ เพราะฟอร์มที่สวยหรูในช่วงปรีซีซั่น บวกกับชื่อชั้นและดีกรีของผู้จัดการทีมคนใหม่ที่ไฮโปรไฟล์ กว่าคนเก่าเยอะ

แต่เมื่อสวอนซีบุกมาเก็บชัยชนะ 2-1 ออกไปจากโรงละครแห่งความฝัน ในเกมแรกสุดของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ผู้ชมส่วนใหญ่ในจำนวนกว่า 7 หมื่นคน ก็ต้องตื่นขึ้นมาเผชิญกับความจริงที่ไม่น่าอภิรมย์

มีความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเกิดขึ้นในระหว่างเกมเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2014 นัดนั้น จนถึงเกมล่าสุดที่แมนฯ ยูไนเต็ด ลงเตะไปเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2015 แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้ผีแดงกลับมาล้างตาหงส์ขาวได้ เมื่อแพ้ไปอีกด้วยสกอร์เดิมในเกมพรีเมียร์ลีกที่ลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยม

ความเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดระหว่างแมนฯ ยูไนเต็ดในทั้งสองเกมก็คือ เกมล่าสุดนี้ผีแดงมีนักเตะที่ดีกว่านัดแรก แต่กลับเล่นบอลด้วยการโยนยาวมากกว่าเดิม



เกมล่าสุดนี้ผีแดงมีทั้งมาร์กอส โรโฮ และ ลุค ชอว์ ในแผงหลัง มี ดาลี่ย์ บลินด์ และ อังเคล ดิ มาเรีย ในแผงกลาง และโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ก็ลงเล่นในแนวรุกด้วย หลังจากไม่ได้ลงเล่นในนัดแรก

ส่วนสิ่งหนึ่งที่กลับมาเหมือนเดิมหลังจากเปลี่ยนแปลงไปพักใหญ่ในระหว่างทั้งสองเกมก็คือ การกลับมายืนเป็นกองหน้าอีกครั้งของเวย์น รูนี่ย์ หลังจากถูกจับไปเล่นเป็นกองกลางอยู่พักใหญ่

เกมนี้รูนี่ย์มีโอกาสยิงเข้ากรอบในนาทีที่ 21 ซึ่งไม่มีอะไรให้ลุ้นเลย สำหรับการยิงเข้ากรอบครั้งแรกของเขาในรอบ 561 นาที หลังสุดในการลงเตะพรีเมียร์ลีก ซึ่ง 540 นาทีในนั้นเขาเล่นในฐานะมิดฟิลด์ หลังลงเล่นเป็นกองหน้าครั้งหลังสุดในลีกในเกมที่ออกไปชนะเซาธ์แฮมป์ตัน 2-1 เมื่อ 8 ธันวาคม

ขณะที่รูนี่ย์ถูกจับมาใช้งานผิดประเภทอยู่นานจนแทบจะลืมสัญชาตญาณการเป็นดาวยิงไปแล้ว ศูนย์หน้าคนอื่นอย่าง ราดาเมล ฟัลเกา ก็ไม่สามารถทำผลงานได้คุ้มค่าเหนื่อยที่แสนแพงได้ ส่วน โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ก็ฟอร์มตกจนแฟนเริ่มจะเอือม



ส่วนตัวเลือกที่เหลืออยู่อย่าง เจมส์ วิลสัน ก็ยังต้องบ่มเพาะฝีเท้าไปอีกพักใหญ่ กว่าจะพร้อมก้าวขึ้นมาแจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัว

การจับเอา อังเคล ดิ มาเรีย มาเล่นกองหน้าก็ไม่ต่างกับการจับรูนี่ย์ไปเล่นกลาง เพราะทำให้เสียประโยชน์จากการให้เขาเป็นคนพาบอลขึ้นมาแจกจ่ายให้เพื่อนเข้าทำ

หรือการให้ มารูยาน เฟลไลนี่ มายืนสูงบนยอดสุดของแผงมิดฟิลด์แบบไดมอนด์ เพื่อให้คอยสอดแทรกเข้าไปเติมเกมรุก โดยเฉพาะเมื่อบอลถูกโยนยาวเข้าไปในเขตโทษ ก็ดูจะไม่ใช่แนวคิดที่ดีเท่าไหร่ เพราะเฟลไลนี่ยังทำได้ไม่ดีพอในการรับส่งบอลกับเพื่อน และเท่ากับว่าผีต้องเสียโควตามิดฟิลด์ตัวสร้างสรรค์เกมอย่าง ฆวน มาต้า ไป

แม้ว่าเกมล่าสุดนี้จะเป็นความพ่ายแพ้เพียงแค่นัดที่ 2 ของแมนฯ ยูไนเต็ดในรอบ 20 นัดหลังสุด แต่ก็เป็นการปราชัยในลีกเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 6 นัดหลัง และถ้าย้อนไป 10 นัดหลังสุดในลีก เด็กผีชนะได้แค่ 4 นัดเท่านั้น

ถ้าจะบอกว่าฟอร์มของแมนฯ ยูไนเต็ดเริ่มกลับสู่ช่วงขาลงอีกครั้งก็คงไม่ผิดนัก เพราะหลังจากออกสตาร์ตด้วยการชนะได้แค่นัดเดียวใน 5 เกมแรกของพรีเมียร์ลีก ผีแดงก็เริ่มตั้งหลักได้ เมื่อแพ้แค่ครั้งเดียวใน 15 เกมต่อมา รวมถึงการชนะ 6 นัดติด ในระหว่างนั้นด้วย



แม้ผลงานและอันดับของแมนฯ ยูไนเต็ดจะค่อยๆ ดีขึ้น จากการโชว์ฟอร์มได้ดีต่อเนื่องอยู่ช่วงหนึ่ง แต่สถานการณ์ของผีแดงตอนนี้กับตอนนั้นก็ดูจะไม่ต่างกันเท่าไรนัก

นั่นคือโอกาสที่จะเบียดเข้าไปอยู่ในท็อปโฟร์ เพื่อเป้าหมายในการไปเตะแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลหน้า ท่าทางจะไม่ใช่งานง่ายๆ ของฟาน ฮัลและลูกทีมอยู่ดี หากยังไมสามารถยกระดับฟอร์มการแล่นให้ดีกวานี้

เพราะทั้งสองเกมแมนฯ ยูไนเต็ดครองบอลมากกว่า มีโอกาสยิงมากกว่า แต่ทำประตูได้น้อยกว่า ถ้าแก้ไม่ตกก็คงต้องปลงให้ตกแทน

เรื่องโดย : Babybear

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook