ความไม่ยุติธรรม เมื่อ "ฟาน ฮัล ไม่ช่วย ฟัลเกา"!

ความไม่ยุติธรรม เมื่อ "ฟาน ฮัล ไม่ช่วย ฟัลเกา"!

ความไม่ยุติธรรม เมื่อ "ฟาน ฮัล ไม่ช่วย ฟัลเกา"!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผมเขียนเกี่ยวกับ ราดาเมล ฟัลเกา ในหัวเรื่อง “ฟัลเกา แพะรับบาป” พร้อมตั้งคำถามว่า “มันยุติธรรมไหมที่จะโทษฟัลเกาคนเดียว!?”

ผมตอบว่า “ไม่ยุติธรรม!”

เพราะ...1.อังเคล ดิ มาเรีย ค่าตัวแพงกว่าอีก (60 ล้านปอนด์) และซื้อขาดแล้วด้วยยังไม่เห็นจะเล่นได้ “โดดเด่น” หนำซ้ำฟอร์มหล่นเอาๆ จนล่าสุดโดนเปลี่ยนตัวออกตอนพักครึ่งในแมตช์ชนะซันเดอร์แลนด์ 2-0

2.โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ คู่ขาหลักของ ฟัลเกา ก็ใช่ว่าจะเล่นได้ดีในปีนี้ เจ็บบ่อย และเหมือน “คู่รัก” ครับที่ดูยังไง “เคมี” ระหว่าง RVP กับฟัลเกา ก็ไม่ตรงกัน

3.ฟัลเกา ได้รับเซอร์วิส หรือบริการจากเพื่อนปิศาจแดงดีพอ หรือเหมือนเป็น “เบอร์ 1” ที่ใครๆ ก็ป้อนให้เหมือนตอนอยู่กับ ปอร์โต้, แอต.มาดริด หรือโมนาโก (ที่แม้แต่ เอดินสัน คาวานี่ ยังต้องหลบ) หรือเปล่า?

4.ข้อนี้สำคัญ เพราะผมกำลังพูดว่า แล้วตอนนี้นักเตะแมนฯยูฯ มีใครเล่นได้ดี? โดดเด่น หากไม่ใช่ ดาวิด เด เกอา, มารูยาน เฟลไลนี่ หรืออาจจะ ดาลี่ย์ บลินด์



หรือแม้กระทั่ง เวย์น รูนี่ย์ ที่เพิ่งยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้ทีเดียว 2 ประตู หลัง “ฝืด” มา 9 นัด

อีกประเด็นที่แตะถึงในบทความครั้งก่อน คือ แล้ว สภาพความฟิต ฟัลเกา ณ วันนี้เป็นอย่างไร?

ผมมองว่า ความแข็งแกร่ง และอาการบาดเจ็บ หายสนิท 100% แล้ว เพราะเห็นโดนเสียบ โดนสกัดแรงๆ หลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้แหยง หรือเจ็บซ้ำ

แต่ Match fitness หรือความสามารถในการลงเล่นให้ได้ครบ 90 นาที แบบชิลๆ ฟาน ฮัล ยังไม่มี เพราะแมนฯยูฯ ไม่สามารถให้โอกาสนั้นได้

สุดท้าย คือ “ความคม” (Sharpness) ซึ่งสำคัญสำหรับนักฟุตบอล ฟัลเกาก็ยังไม่เหมือนนักเตะคนเดิม ซึ่งก็ต้องอาศัยเวลาอีกเช่นกัน

ครับ ผมเริ่มต้นแบบนี้ เพราะศึกพรีเมียร์ลีก นัดล่าสุดของทีมปิศาจแดง ซึ่งเปิดบ้าน โอลด์ แทรฟฟอร์ด เชือดแมวดำ ซันเดอร์แลนด์ 2-0 รูปเกมไม่ได้ “ง่าย” เหมือนสกอร์ไลน์

เพราะกว่าลูกทีม หลุยส์ ฟาน ฮัล จะทำประตูแรกได้ก็ต้องอาศัย “จุดเปลี่ยน” สำคัญในนาทีที่ 66 โดยได้ “พระเอก” ในท้องเรื่อง ราดาเมล ฟัลเกา ของผมนี่แหละครับเป็น “ตัวหลัก” สร้างสตอรี่ประจำเกมขึ้นมา


    
บอลจาก อันเดร์ เอร์เรร่า ทางฝั่งขวาเปิดเข้ากรอบเขตโทษสู่เท้าฟัลเกา, ดาวเตะโคลอมเบียจับบอล และพลิกบอลรวม 2 จังหวะ แต่โดน จอห์น โอเช เหนี่ยวล้มลงโดยมี เวส บราวน์ วิ่งมาเบียดในจังหวะสุดท้ายที่ฟัลเกาล้มลง

โรเจอร์ อีสต์ เชิ้ตดำนัดนี้เป่าจุดโทษแบบ “ถูกต้อง” ทันที และทำ “ถูกต้อง” อีกครั้งด้วยการให้ “ใบแดง” ผู้เล่นซันเดอร์แลนด์โทษฐาน “ปฏิเสธ” จังหวะทำประตูแบบชัดเจนของฝ่ายตรงข้าม

ทว่า อีสต์ “พลาด” ที่ให้ใบแดงผิดคน เพราะจังหวะที่ โอเช เตรียมถอดปลอกแขนกัปตันทีมของตนเอง “สารภาพบาป” ใบแดงกลับถูกชูให้ บราวน์

ท่ามกลางการประท้วงจาก โอเช และนักเตะซันเดอร์แลนด์ที่พยายามอธิบายข้อเท็จจริง อีสต์พยายามปรึกษาผู้ช่วย และผู้ตัดสินที่ 4 ที่ดันเป็น มาร์ติน แอตกินสัน (โดนลงโทษจากการตัดสินแมตช์  เชลซี – เบิร์นลี่ย์ กรณี แอชลี่ย์ บาร์นส์ vs เนมันย่า มาติช ให้มาเป็นผู้ตัดสินที่ 4)

ผลปรากฎว่า ทั้งแอตกินสัน และผู้ช่วย ไม่มีใครกล้าชี้ตัวผู้ผิด ดังนั้นอีสต์ จึงยืนยันคำตัดสินเดิมให้ เวส บราวน์ โดนใบแดง ซึ่งเรื่องนี้ต้องรอฝั่ง กุสตาโว่ โปเยต์ และซันเดอร์แลนด์ ว่าจะยื่นประท้วงหรือไม่? อย่างไร? ต่อไป

อย่างไรก็ดี ประเด็นสำหรับผมอยู่ที่ “first touch” และ “second touch” หรือการจับทั้งจังหวะแรก และจังหวะสองที่เป็นสัมผัสที่สลัดหนี โอเช ได้ทันทีถือว่า “สัมผัสระดับโลก” แบบไม่ธรรมดา และหาใช่ใครจะทำได้ของ ฟัลเกา

ยิ่งฟุตบอลมีความยุติธรรมในกฎ “ลงโทษ” ซ้ำซ้อนที่ผมไม่เคยเห็นด้วย (จุดโทษ + ใบแดง) งานนี้จึงต้องถือว่า ดาวตะวัย 29 ปี มีส่วนสำคัญที่สุดที่ทำให้ แมนฯยูไนเต็ด “พลิกสถานการณ์” และเจอ “จุดเปลี่ยน”

ยิ่ง รูนี่ย์ สังหารเข้าไป และซันเดอร์แลนด์ เหลือตัวผู้เล่นแค่ 10 คน อีกร่วม 25 นาที  โอกาสของซันเดอร์แลนด์ที่ไม่ชนะใครมาแล้ว 5 แมตช์ จึงแทบไม่เหลือ

ส่วนตัว สิ่งที่ผมต้องการเห็นมากที่สุดหลังจาก “จุดเปลี่ยน” ดังกล่าว คือ การ “เปลี่ยนใจ” ของ หลุยส์ ฟาน ฮัล ที่จะไม่ส่ง มารูยาน เฟลไลนี่ ลงมาเล่นแทน ฟัลเกา



เบื้องต้นเข้าใจได้ว่า เจาะไม่เข้าก็ต้องหันมา “บอมบ์ยาว” เหมือนเดิม

แต่ในเมื่อยิงได้แล้ว และได้เปรียบในเรื่องตัวผู้เล่น ผมมองว่า ควรจะให้โอกาส ดาวเตะโคลอมเบียได้ “เคาะสนิม” และควานหา Match fitness 90 นาที ของตัวเอง

ยิ่งท้ายเกม การเจาะจากทางฝั่งขวาที่ อัดนาน ยานาไซ ลงมาแทน ดิ มาเรีย ตั้งแต่เริ่มครึ่งหลังสามารถผนวกกำลังได้ดีเยี่ยมกับ อันโตนิโอ วาเลนเซีย

โอกาสได้รับเซอร์วิส และทำประตูได้ของฟัลเกาน่าจะมีสูง

พื้นที่ในการเจาะทำประตูก็น่าจะมากขึ้นจากจำนวนผู้เล่นที่เป็นต่อ ดังนั้นผมจึงมองไม่เห็นเหตุผลที่ หลุยส์ ฟาน ฮัล จะยืนยันการเปลี่ยนตัวเหมือนแผนดั้งเดิมตอนสกอร์ยัง 0-0

ผมยัง “มั่นใจ” เหมือนเดิม ฟัลเกา มีน้ำยาดีพอเตะในเกมระดับสูง แต่ต้องใช้เวลาฟื้นตัว และสำคัญที่สุด คือ “ฟาน ฮัล ก็ต้องช่วย (ให้โอกาส) ฟัลเกา” ด้วยเช่นกัน

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook