อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/sp/0/ud/27/136273/x_p1.jpgอย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล

    อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล

    2015-03-02T12:11:00+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    “ปล่อยคนชั่วสิบคนดี กว่าจับคนบริสุทธิ์เพียงคนเดียว” เป็นวลีที่นึกขึ้นได้เมื่อวันก่อนหลังจากดูการถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกระหว่าง “ปิศาจแดง” แมนฯยูไนเต็ด กับ “แมวดำ” ซันเดอร์แลนด์

    โดยผลการแข่งขันเป็นไปตามคาดลูกทีมของ “หลุยส์ ฟาน ฮัล” เอาตัวรอดด้วยชัยชนะ 2-0

    แต่จังหวะที่อยากพูดถึงคงหนีไม่พ้น การที่ “เวส บราวน์” อดีตศิษย์เก่าสำนักโอลด์ แทรฟฟอร์ด ถูกผู้ตัดสิน “โรเจอร์ อีสต์” ให้ใบแดงไล่ออกจากสนาม

    ถ้าพี่น้ำตาลฟาวล์หรือกระทำผิดจริงๆ ในจังหวะที่ไปเหนี่ยว “ศูนย์หน้าตีนบอด” อย่าง ราดาเมล ฟัลเกา ก็คงไม่เป็นประเด็นอะไร แต่ผู้กระทำผิด (ที่แท้จริง) ในจังหวะนั้น ดันเป็นเพื่อนร่วมอดีตสำนักเดียวกันอย่าง “จอห์น โอเช” ที่เป็นคนไปเหนี่ยวศูนย์หน้าชาวโคลอมเบีย

    ที่สำคัญจังหวะที่เหนี่ยวไม่ใช่แค่จับแล้วปล่อย แต่เป็นการเหนี่ยวแล้วยังดึงรั้งตัว “ฟัลเกา” ที่กำลังจะพลิกบอลเข้าไปยิงประตูถึง 2 จังหวะ 2 ครั้ง ด้วยกัน

     ในขณะที่พี่น้ำตาลผู้โชคร้ายดันไปอยู่แถวนั้นพอดี เมื่อเสียงนกหวีดดังขึ้น ยังไงก็เป็นจุดโทษ แต่กรรมการเจ้ากรรมดันไปให้ใบแดงพี่น้ำตาลแทนที่จะเป็นโอเช

    เมื่อพี่น้ำตาลถูกกล่าวหาพยายามจะอธิบายให้ผู้ตัดสินเข้าใจว่าไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดก็ไม่เป็นผล จึงต้องตกอยู่ในสถานะ “ถูกจับแพะ” แบบไม่มีทางเลือก



    และที่แสบไปกว่านั้นคือ ผู้กระทำผิดที่แท้จริงอย่างโอเชดันเดินไปให้กำลังใจตบหลังพี่น้ำตาลตอนที่เดินออกจากสนาม เชื่อว่าในใจของ “แพะ” อย่างพี่น้ำตาลคงอาจจะคิดลึกๆ เผาพริกเผาเกลือให้เพื่อนร่วมทีมที่ลอยนวล

    แทนที่จะช่วยเข้ามายืนยันว่าตัวเองทำผิดและยอมเดินออกจากสนาม ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นต้องยอมรับว่า โชคร้ายมากๆ ในแง่ความรู้สึก แม้ว่าใครจะถูกไล่ออกทีมก็คงแพ้เหมือนกัน เพราะทั้ง “บราวน์” และ “โอเช” ไม่ได้มีใครเล่นดีกว่ากันซักเท่าไหร่

    ว่าไปก็คล้ายๆ กับเหตุการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วในเกมระหว่าง “สิงห์บลู” เชลซี กับ “เบิร์นลี่ย์” ในจังหวะที่ “เนมันย่า มาติช” ถูกไล่ออกหลังจากวิ่งไปผลัก “แอชลี่ย์ บาร์นส์”

    ที่จังหวะก่อนหน้านั้น เจ้าบาร์นส์ตัวแสบนี่แหละดันเข้าบอลเปิดปุ่มแบบน่าเกลียดใส่มิดฟิลด์ของเชลซี

    ที่สำคัญกรรมการเจ้ากรรม (อีกแล้ว) อย่าง “มาร์ติน แอตกินสัน” ที่มากประสบการณ์ดันไม่เห็น (หรือเปล่า) ในจังหวะนั้น จึงไม่ได้เป่าฟาวล์หยุดเกมแต่อย่างใด

    จริงๆ ขอแนะนำใครที่มีเวลาลองหาเทปหรือคลิปย้อนดูในจังหวะนั้นอีกรอบ จะรู้ว่าเจ้าบาร์นส์ตัวแสบนี่แหละสมควรโดนไล่ออกจากสนามในฐานะผู้กระทำผิดที่แท้จริง



    แต่เมื่อ “มาติช” เองคุมอารมณ์ไม่อยู่ (จริงๆ จังหวะนั้นถ้าใครคุมอยู่ก็คงต้องชาบู บูชา) ก็ต้องรับกรรมไป ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็น “เหยื่อ” ก่อนแท้ๆ ขณะที่ผู้ร้ายลอยนวล!!!

    ในเหตุการณ์นั้นต้องยอมรับว่าเป็นจุดเปลี่ยนของเกมคู่นี้ เพราะเชลซีที่เหลือตัวผู้เล่นน้อยกว่า ถูกตีเสมอ จบเกมจากสามแต้มที่ควรได้เหลือเพียงแต้มเดียว

    นี่แหละคือเกมฟุตบอลที่ Human Error อาจจะเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้แฟนบอลทั้งหลายบางคน

    แต่สำหรับผู้ถูกกระทำอย่าง “เวส บราวน์” และ “เนมันย่า มาติช” คงขำไม่ออก และเจ็บปวดพอสมควรกับโลกของฟุตบอลที่บางทีความยุติธรรมก็ไม่ใช่สิ่งที่จะหาได้ง่ายๆ ครับ