การเข้ารอบที่น่าอับอาย! ของราชันชุดขาว

การเข้ารอบที่น่าอับอาย! ของราชันชุดขาว

การเข้ารอบที่น่าอับอาย! ของราชันชุดขาว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ด้วยผลงานที่เคยขี่กันมาไม่ว่าจะเป็น 2 นัดในฤดูกาลที่แล้วถึงผลรวมถึง 9-2 และชัยชนะ 2-0 ที่เกลเซนเคียร์เชน ย่อมทำให้ไม่มีใครคาดคิดว่าบทสรุปสุดท้ายที่ซานติอาโก เบอร์นาบิว ซึ่งควรจะเป็นเกมที่สบายๆสำหรับเรอัล มาดริด

กลับเกือบจะจบลงด้วยปาฏิหารย์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์เกมลูกหนัง

6 นาทีที่เหลือในเวลาปกติและช่วงทดเวลาบาดเจ็บอีกเกือบ 4 นาที นับเป็นช่วงเวลา 10 นาทีที่อาจจะยาวนานที่สุดในความรู้สึกของเหล่า “โลส บลังโกส” ในฤดูกาลนี้

กับการตามหลังสกอร์ 3-4 โดยที่หากชาลเก้ ได้อีกประตูเดียวพวกเขาจะเป็นฝ่ายตกรอบทันที

บุญรักษาที่ทีมของคาร์โล อันเชล็อตติ รอดตัวได้และผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ

ตลอด 90 นาทีที่เบอร์นาบิว หากมองด้วยสายตาของแฟนบอลที่ไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด เกมนัดนี้เป็นเกมระดับ “ทริลเลอร์แมตช์” ที่ดูสนุกและตื่นเต้นตลอดเวลา ไม่ว่าจะด้วยจำนวนประตูที่เกิดขึ้น หรือสถานการณ์ที่พลิกผันไปมาตลอดทั้งเกม

ชาลเก้ มาเยือนวังของราชันในวันนี้ด้วยการปราศจากความกดดันใดๆทั้งสิ้น เพราะด้วยผลการแข่งในเกมแรกที่พ่ายมาและเสียเปรียบประตูทีมเยือนถึง 2 ลูก

เมื่อลงเล่นด้วยความรู้สึกไม่มีอะไรจะเสีย พวกเขาจึงต้องการเพียงแค่กลับออกมาจากเบอร์นาบิวด้วยความรู้สึกไม่มีอะไรให้เสียใจ ผลงานของ “ราชันสีน้ำเงิน” ในวันนี้จึงน่าประทับใจทั้งในเรื่องของความมุ่งมั่น และระดับฝีเท้าที่โดดเด่น

เช่นกันกับการที่พวกเขามาเยือนในวันที่ท้องฟ้าเหนือมหานครมาดริดเป็นสีเทาพอดี



เรอัล มาดริด ตกอยู่ใต้ความกดดันจากผลงานที่เข้าขั้นน่าเป็นห่วงในระยะหลัง เกมรุกบอดสนิท เกมแดนกลางขาดหาย และเกมรับที่หละหลวม

การหลงตำแหน่งของแนวรับปล่อยให้คริสเตียน ฟุคส์ ได้โอกาสล่อเป้าอิเคร์ คาซีญาส ในประตูแรกนาทีที่ 20 ซึ่งแม้จะไม่ใช่การยิงที่เฉียบขาดนัก แต่ด้วยน้ำหนักและกำลังข้อมือที่อ่อนแรงของอดีตเทพผู้พิทักษ์ของสเปน บอลจึงผ่านเข้าประตูไปโดยง่าย

ทั้งนี้แม้โรนัลโด้ จะโหม่งประตูตีเสมอได้หลังจากนั้นเพียง 5 นาที แต่หลังจากนั้นมีสัญญาณให้ได้เห็นตลอดว่าแนวรับของเรอัล มาดริด พร้อมที่จะเสียประตูได้เกือบตลอดเวลา

พวกเขาโดนยิงอีกจริงๆในนาทีที่ 40 โดยเป็น “ฮันเตอร์” คลาส แยน ฮุนเตลาร์ ที่ยิงประตูทีมเก่าที่เคยมองข้ามเขาได้จากการปรี่เข้าไปซ้ำลูกยิงของแม็กซ์ เมเยอร์เข้าไป ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่เขาเพิ่งจะตะบันไปชนสามเหลี่ยมเพียงไม่ถึงอึดใจ

อย่างไรก็ดีด้วย “คุณภาพ” ของโรนัลโด้ ทำให้เรอัล มาดริด ตีเสมอได้สำเร็จก่อนหมดครึ่งแรกจากการโหม่งเข้าไป แต่ในอารมณ์และความรู้สึกนั้น CR7 ไม่ได้รู้สึกเบาใจ ในทางตรงกันข้ามนัยน์ตาของเขาสะท้อนให้เห็นถึงความหงุดหงิดที่จำเป็นต้องกอบกู้ทีมตลอดเวลา



เรอัล มาดริด มีช่วงเวลาที่พอจะผ่อนคลายได้ในช่วงต้นครึ่งหลังเมื่อคาริม เบนเซม่า ใช้ความสามารถเฉพาะตัวลากแหวกเข้าไปยิงอย่างเหนือชั้นในนาทีที่ 53

แต่ความโล่งใจนั้นมีอายุเพียง 4 นาทีเท่านั้นเมื่อแนวรับมาดริด ประมาทปล่อยให้ลีรอย ซาเน่ เจ้าหนูวัย 19 ปีที่ได้ลงสนามเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกแทนชูโป-โมติง ที่บาดเจ็บตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรก สามารถเปิดตัวได้อย่างน่าจดจำด้วยลูกปั่นโค้งระดับเวิลด์คลาสที่ทำให้คาซีญาส กลายเป็นตัวตลก

หัวใจของขุนพลชุดขาวนั้นระอุขึ้นเรื่อยๆ แต่ทุกอย่างคล้ายจะคลี่คลายลงหลังการกลับมาของลูก้า โมดริช จอมทัพที่หายไปนานร่วม 4 เดือน ซึ่งการกลับมาของมิดฟิลด์ชาวโครแอตทำให้เกมของมาดริด กลับมาสุขุมขึ้นอีกครั้ง

เพียงแต่แนวรับที่ขาดเซร์คิโอ รามอส ยังมีปัญหาอยู่มากและความผิดพลาดที่ปล่อยให้ ฮุนเตลาร์ หลุดเข้าไปยิงปืนใหญ่เสียบใต้คานก่อนหมดเวลา 6 นาที ทำให้ชาลเก้ มีโอกาสจะสร้างปาฏิหารย์ได้ขอเพียงอีกแค่ประตูเดียวเท่านั้น



พวกเขาเกือบทำได้หลังจากนั้นไม่นาน เพียงแต่ครั้งนี้คาซีญาส บินปัดลูกปั่นโค้งของซาเน่ได้ และรักษาสกอร์เอาไว้ได้สำเร็จ เรอัล มาดริด จึงผ่านเข้ารอบไปได้

โดยที่มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ คาร์โล อันเชล็อตติ ต้องทบทวนให้หนัก เพราะเหลือเวลาไม่นานก่อนเกม “เอล กลาสิโก้” ซึ่งจะตัดสินอนาคตของทีมและอาจรวมถึงตัวเขาเองด้วยในฤดูกาลนี้

อย่างไรก็ดีด้วยผลงานที่น่าจดจำ ทำให้ผู้ที่ตกรอบเช่นชาลเก้ สามารถเดินออกจากซานติอาโก เบอร์นาบิว ได้อย่างสง่าผ่าเผยพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า และจะเป็นอีกหนึ่งในเกมที่พวกเขาเอามาเล่าใหม่ได้อีกแสนนาน

ขณะที่ผู้เข้ารอบอย่างเรอัล มาดริด ได้แต่ก้มหน้าและเดินออกจากสนามด้วยความอับอาย

by ลูกแม่กิ่ง
 (lookmaeking@hotmail.com)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook