โลกฟุตบอลแห่ง “ความจริง” ที่ไม่ได้สวยงามเสมอไป!

โลกฟุตบอลแห่ง “ความจริง” ที่ไม่ได้สวยงามเสมอไป!

โลกฟุตบอลแห่ง “ความจริง” ที่ไม่ได้สวยงามเสมอไป!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผมเคยเขียนถึง ราดาเมล ฟัลเกา ไปก็ “หลายรอบ” และทั้งหมดจะเป็นแนว “ชื่นชม” เพราะเข้าใจดีว่า หากทีมเล่นไม่ระบบเช่นที่เพิ่งแพ้ อาร์เซนอล ตกรอบ เอฟเอ คัพ รอบ 6

มันจะ “ยากมาก” หรือจะ “ตัดสิน” ฝีเท้าหัวหอกโคลัมเบียได้อย่างไร?

ล่าสุด และที่วันนี้ต้องมาเขียนถึงกองหน้าดีกรีถูกเสนอชื่อเข้าชิง “บัลลงดอร์” 2 สมัยก็เพราะ หัวหอกค่าตัว 52 ล้านปอนด์ ตอนย้ายจากแอตเลติโก้ มาดริด ไปโมนาโก ถูกจับไปเล่นในเกม “ยู-21 ปี” ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

สื่อผู้ดีที่ถนัดในการสร้าง “ผู้ร้าย” มากกว่า “ฮีโร่” ร่วมนำเสนอข่าวนี้ในประเด็นความ “ตกต่ำ” ถึงขีดสุดของกองหน้าวัย 29 ปี

เช่น “เดลี เมล์” ถึงกับมีคำว่า “Dignity” หรือ “เกียรติ/ศักดิ์ศรี” ว่า ไม่เหลือแล้ว เป็นต้น

อย่างไรก็ดี สื่อที่เป็นกลางกว่า เช่น “บีบีซี” ยังมีมุมเสริมว่า ในเกมดังกล่าวกับทีมตราไก่ สเปอร์ส ไม่ได้มีเฉพาะฟัลเกาเท่านั้นที่เป็นนักเตะซีเนียร์ มีชื่อเสียง

บิคตอร์ บัลเดส และ ราฟาเอล ดา ซิลวา ก็ถูกเลือกเป็น 3 โควตาอายุเกิน 21 ปีด้วยเช่นกัน

ขณะที่ดาวเตะอื่น ๆ ที่เป็นดาวรุ่ง และเคยลงสนามให้ทีมใหญ่แล้วก็ยังมี เจมส์ วิลสัน รวมอยู่ด้วย

ดังนั้น จึงไม่ถือว่า “ขี้เหร่” สุด ๆ กับการที่ หลุยส์ ฟาน ฮัล จับราดาเมล ฟัลเกา มาเล่นในเกมนี้โดยให้ผู้ช่วย ไรอัน กิ๊กส์ เฝ้าจับตามองอย่างใกล้ชิด

แต่หากมองใน “แง่ลบ” แน่นอนครับว่า มันคือการเสียศักดิ์ศรี หรืออาจมองได้ว่า “กรูถูกกลั่นแกล้ง หรือถูกบีบหรือเปล่า?”

ยิ่งมอง “โอกาส” ของฟัลเกาในทีมชุดใหญ่ที่ผมได้เคยเขียนไปแล้วว่า “ไม่เยอะ” เอาซะเลย หรือลงเล่นเพียง 20 แมตช์ ยิงได้ 4 ประตูที่ส่วนใหญ่เล่นไม่เต็มเวลา 90 นาที

ดังนั้น ความน่าจะเป็นที่ แมนฯยูไนเต็ด จะ “ซื้อขาด” หัวหอกรายนี้ด้วยเงินที่เป็นออฟชั่น 43.5 ล้านปอนด์จึงแทบเป็นไปไม่ได้

แต่ในอีกมุม คือ บัลเดส ยังไม่มีโอกาสได้ลงสนามเลยนับจากเซ็นสัญญา “ฟรีเอเยนต์” มาร่วมทีมเมื่อต้นปี

หรือราฟาเอล ก็ได้เล่นเพียง 10 นัดในยุคฟาน ฮัล

ซึ่งทั้งหมด “ยิ่งน้อย” กว่า ฟัลเกาด้วยซ้ำ!

เขียนถึงตรงนี้มองได้ “2 มุม” ครับว่า 1. ยังไง ฟัลเกา ก็ต้องมองโลกแง่บวก และแสดงความเป็นมืออาชีพจนถึงที่สุด หรือก็แค่ประมาณ 10 นัดสุดท้ายของฤดูกาล

2. ไม่ใช่แค่ ฟัลเกา ครับ แต่ยังมีสุดยอดฝีมือ “หลงเหลือ” อยู่อีกมาก และตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน หรือแย่กว่า และรอเพียงโอกาสแสดงฝีเท้า หรือ “ย้ายทีม”



คิดเร็ว ๆ แล้ว ผมนึกถึง เซอร์ดาน ชาห์คิรี่ ที่ย้ายจาก บาเยิร์น มิวนิค ไปแจ้งเกิดกับ อินเตอร์ มิลาน หรือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จากเชลซี ไปฟิออเรนติน่า

หรือ อังเดร ชูร์เร่, เควิน เดอ บรุน ที่ต่างย้ายกลับไปบุนเดสลีกา แล้วไปได้ดี

ไอ้ที่ยัง “รอ ๆ ๆ ๆ” โอกาสก็มีอีกเยอะครับ เช่น เปโดร ที่จะแทรก ซัวเรซ-เมสซี่-เนย์มาร์ ได้อย่างไร?

และชิชาร์ริโต้ กับภารกิจกระแทก คาริม เบนเซม่า, โรนัลโด้, แกเร็ธ เบล, อิสโก้  และฯลฯ

นี่คือ “วิถี” ของฟุตบอลครับ!

ณ บรรทัดนี้อยากจะแตะย้อนกลับไปที่ “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา เล็กน้อยว่า หาก “เหตุผล” เรื่องไม่ได้รับโอกาส คือ ประเด็นหลักในการกลับบ้าน



“มุ้ย” และทีมงานคิดผิดถนัด เพราะ “มุ้ย” คือใคร? หากเทียบกับรายชื่อข้างต้นที่ดีกรีดีกว่าทั้งนั้น และถูก “ปฏิบัติ” แย่กว่าที่ธีรศิลป์ได้รับด้วยซ้ำ

แต่หากเป็นเรื่อง “ปรับตัว” ทั้งกับวัฒนธรรม, อากาศ, ภาษา, อาหารการกิน ฯลฯ ที่คนวัย 27-28 ปีไม่ได้ “เด็ก” เพียงพอที่จะต่อสู้ เรียนรู้

ผม “ยอมรับ” ได้ แต่ก็อยากจะถามเช่นกันว่า เราเองได้พยายามแล้วแค่ไหน? เช่น ทุกวันนี้ พูดภาษาสเปนได้เป็น “ประโยค” หรือพอฟัง พูดได้มากไหม?

หากตอบว่า “ไม่” ผมพูดได้เลยว่า คนของเรา “พยายามน้อย” เกินไป

เรื่องในวันนี้ไม่ใช่ “นิทาน” แฮปปี้เอนดิ้ง แต่เป็น “เรื่องจริง” ที่ผมอยากจะสื่อให้เยาวชนที่กำลังเล่นฟุตบอลได้เห็นจาก “ตัวอย่าง” ระดับโลก

โลกฟุตบอลจริง ๆ ก็เหมือน “โลกของเรา” ที่ความจริง ไม่ใช่สวยงามเสมอไปครับ 



เรื่องโดย : ไข่มุกดำ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook