ซัมเมอร์รับน้อง "จูเลียน วอร์ด" (คอลัมน์สนุกมือ / ธีรพัฒน์ อัครเศรณี)

ซัมเมอร์รับน้อง "จูเลียน วอร์ด" (คอลัมน์สนุกมือ / ธีรพัฒน์ อัครเศรณี)

ซัมเมอร์รับน้อง "จูเลียน วอร์ด" (คอลัมน์สนุกมือ / ธีรพัฒน์ อัครเศรณี)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ของสโมสร ลิเวอร์พูล ในยุค เยอร์เกน คล็อปป์ มีเงาของผู้ชายชื่อ ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ เคียงข้างในฐานะผู้อำนวยการสโมสรด้านกีฬา ทำหน้าที่บริหารค่าจ้างและซื้อขายนักเตะในทีมจนประสบความสำเร็จได้รับการยอมรับไปทั่วโลก

แต่ในที่สุดถึงเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลง เมื่อ เอ็ดเวิร์ดส์ ตัดสินใจอำลาตำแหน่งหลังอยู่กับ "หงส์แดง" มานานถึง 10 ปี เพื่อไปแสวงหาความท้าทายใหม่ โดยยกเก้าอี้ของเขาให้กับชายที่เคยเป็นมือขวาอย่าง จูเลียน วอร์ด ให้กลายเป็นสปอร์ติง ไดเร็คเตอร์ คนใหม่ในถิ่นแอนฟิลด์ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าเมื่อแรกรับตำแหน่งต้องเจอกับความท้าทายแบบ "รับน้องใหม่" ตั้งแต่ซัมเมอร์แรกเลยทีเดียว

ใครคือ จูเลียน วอร์ด?

จูเลียน วอร์ด เป็นคนอังกฤษ ปัจจุบันอายุ 41 ปี เขาคือหนึ่งในทีมงานที่ เอ็ดเวิร์ดส์ ดึงตัวมาจาก "เรือใบสีฟ้า" แมนฯซิตี้ เพื่อเข้ามาอยู่ในทีมงานแมวมองและการสรรหานักเตะเมื่อปี 2012 เคยเป็นหนึ่งในทีมงานกลุ่ม "เด็กแล็ปท็อป" ในแอนฟิลด์ ซึ่งสะสมข้อมูลและสถิติมากมายของนักเตะ
qพอถึงปี 2015 วอร์ด ถูกปรับบทบาทให้กลายเป็นมือขวาของ เอ็ดเวิร์ดส์ เป็นคนที่มีหน้าที่ในการหาพันธมิตรกับสโมสรอื่นๆทั่วโลก สำหรับส่งออกนักเตะเยาวชนในลักษณะยืมตัวเพื่อพัฒนาฝีเท้า หรือแม้กระทั่งการซื้อขาย จัดการสัญญาในลักษณะต่างๆของดาวรุ่ง ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเขาจึงมีเครือข่ายทั่วสหราชอาณาจักรและทั่วโลก

หน้าที่ของเขานั้นคือการสร้างมูลค่าให้กับอคาเดมี ด้วยการรักษานโยบายและสภาพการแข่งขันของบรรดาดาวรุ่งให้ไปในทิศทางที่ถูกต้อง ตั้งแต่ชุด U18, U23 และคนที่กำลังก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่

วอร์ด นั้นต้องทำงานใกล้ชิดในการแชร์ความคิดเห็นกับ คล็อปป์ และกุนซือชาวเยอรมันเคยออกมาชมความยอดเยี่ยมของเขานั้นมาแล้วมากมายหลายครั้งว่า มีส่วนช่วยในความสำเร็จของทีมและการปั้นนักเตะดาวรุ่งให้กับอคาเดมีของลิเวอร์พูล

ทำให้ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเขาถึงได้รับตำแหน่งและก้าวขึ้นมาเป็นตัวตายตัวแทนของ ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ ในที่สุด

บททดสอบตั้งแต่ฤดูกาลแรก

แม้สโมสร ลิเวอร์พูล จะประสบความสำเร็จอย่างงดงามในฤดูกาลสุดท้ายที่ เอ็ดเวิร์ดส์ ทำงานในซีซั่น 2021/22 ครองแชมป์ เอฟเอ คัพ กับ คาราบาว คัพ แต่คนรับไม้ต่ออย่าง จูเลียน วอร์ด กลับต้องเผชิญสถานการณ์ยากลำบากเป็นอย่างยิ่งในการดีลกับเคส 3 กองหน้าซึ่งไม่ยอมต่อสัญญาอย่าง "หิน เหล็ก ไฟ" มาเน, ฟีร์มีโน, ซาลาห์
sรายแรกอย่าง ซาดิโอ มาเน นั้นจบไปแล้วด้วยดี ผู้อำนวยการคนใหม่สามารถขายให้กับ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยสนนราคาที่ใกล้เคียงกับตอนซื้อเข้ามาคือประมาณ 35 ล้านปอนด์ นับว่าเป็นทุนครึ่งหนึ่งของการนำไปซื้อกองหน้าคนใหม่อย่าง ดาร์วิน นูนเญซ เข้ามา อายุยังน้อยและค่าเหนื่อยไม่แพง ถือเป็นอนาคต สโมสรน่าจะใช้งานได้อีกนาน

ส่วนรายที่สองคือ โรเบอร์โต ฟีร์มีโน ในวัย 31 ปี ซึ่งเข้าสู่สัญญาปีสุดท้ายเหมือนกัน ถือเป็นคนที่มีข่าวน้อยที่สุด ไม่มีทิศทางชัดเจนเลยว่าสโมสรจะเอาอย่างไรกับเขาต่อไป จะยอมเสนอสัญญาฉบับใหม่โดยเพิ่มค่าเหนื่อยขึ้นจากเดิมจากที่เคยรับอยู่ 180,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์หรือไม่?

ถือเป็นโจทย์ที่ทั้ง วอร์ด และ คล็อปป์ น่าจะต้องคิดหนัก เพราะ "บ็อบบี้" นั้นออกอาการฟอร์มแผ่วเมื่อช่วงฤดูกาลที่ผ่านมาจนโดน ดิโอโก โชต้า แย่งบทบาท อาจเพราะกรำศึกมาหนักให้ทั้ง "หงส์แดง" และทีมชาติบราซิลในช่วง 2-3 ปีหลัง

ถึงตอนนี้จึงยากจะเดาใจว่า ทั้งคู่จะกล้าเพิ่มตัวเลขรายได้อีกนิดให้ดาวเตะแซมบ้าต่อสัญญา? หรือเก็บไว้ให้เล่นปีสุดท้ายเพื่อเป็นตัวแบ็กอัป นูนเญซ? หรือจะขายออกไปในทันทีหากมีทีมอื่นสนใจ? โอกาสที่จะเป็นไปได้ทั้งสามทางนั้นใกล้เคียงกันหมด!

รายสุดท้าย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กลายเป็นมหากาพย์การดีลอันยืดเยื้อรุงรัง ตามข่าวว่าตัวนักเตะต้องการถึง 400,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ให้มันสมบารมีและฝีเท้า แต่สโมสรซึ่งมีโครงสร้างเงินเดือนค่อนข้างเข้มงวดอย่าง "หงส์แดง" ไม่มีวันจะยอมจ่ายขนาดนั้นแน่
aการเจรจาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วยืดเยื้อมาจนถึงซัมเมอร์นี้ โค้งสุดท้ายก่อนเปิดฤดูกาล ลิเวอร์พูล พยายามจะเพิ่มตัวเลขและผลประโยชน์อื่นๆมาล่อใจ รามี อับบาส ตัวแทนของ "บังโม" แต่ดูท่าว่าเอเยนต์ต้องการลากไปจนหมดสัญญาเพื่อให้ ซาลาห์ ได้เรียกร้องค่าเหนื่อยสูงสุดในฐานะนักเตะฟรีทรานส์เฟอร์

จูเลียน วอร์ด จะจัดการเคสนี้อย่างไร น่าสนใจยิ่งนัก?

เขาจะยอมให้สโมสรเสียผลประโยชน์ ไม่ได้ค่าตัวดาวเตะอียิปต์คืนมาเลยแม้แต่เพนนีเดียว? เจ้าของทีมยินยอมให้เป็นเช่นนั้นจริงหรือ? เพราะหาก ลิเวอร์พูล ตัดใจขาย ซาลาห์ ทิ้งไปตอนนี้ สโมสรยังน่าได้เงินคืนมาสัก 40-50 ล้านปอนด์ นำไปซื้อตัวแทนที่หนุ่มกว่าสดกว่าได้

ส่วนสโมสรไหนในยุโรปกล้าสู่ค่าตัวและค่าเหนื่อยนั้นก็เป็นหน้าที่ของ วอร์ด ซึ่งจะต้องสร้างเมกะดีลนี้ให้สำเร็จเร็วที่สุด ก่อนเปิดฤดูกาลได้ยิ่งดี

สุดท้ายการแก้ปัญหาทรีโอแดนหน้าครั้งนี้ จะเป็นบทพิสูจน์สำคัญของ วอร์ด ถ้าสอบผ่านย่อมจะสร้างเครดิตและลดเครื่องหมายคำถามในการรับงานตำแหน่งใหญ่แบบนี้ของตัวเขาเองลงไปได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook