The Last Red War : แดงเดือดครั้งสุดท้ายของ "สตีวี่ จี"

The Last Red War : แดงเดือดครั้งสุดท้ายของ "สตีวี่ จี"

The Last Red War : แดงเดือดครั้งสุดท้ายของ "สตีวี่ จี"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สงครามสีแดงครั้งนี้จะเป็นศึกใหญ่ครั้งสุดท้ายในชีวิตของ "สตีเว่น เจอร์ราร์ด"

ไม่ว่าผลการแข่งขันใน 90 นาทีที่แอนฟิลด์ จะจบลงอย่างไร นับจากนี้ตลอดไปสำหรับยอดกัปตันแห่งลิเวอร์พูล เขาจะไม่มีสิทธิ์ที่จะลงเล่นในสงครามศักดิ์สิทธิ์ระหว่าง 2 เมืองที่เป็นคู่ปรับตลอดกาลอีกต่อไป ซึ่งด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้เกมนัดนี้ย่อมมีความหมายที่เพิ่มขึ้นมาเป็นพิเศษนอกเหนือจากคุณค่าดั้งเดิมที่มีอยู่

อย่างไรก็ดีไม่มีใครรู้ได้ว่าเจอร์ราร์ด จะมีโอกาสได้ลงสนามหรือไม่ในสถานการณ์นี้

ปฏิเสธได้ยากว่า “หงส์แดง” ในช่วงระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมานั้นดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อไม่มีเจอร์ราร์ดอยู่ในทีม นักเตะแกนหลักหลายคนเริ่มเปล่งประกายขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน รองกัปตันผู้ถูกคาดหมายว่าจะรับช่วงต่อ เอ็มเร่ ชาน ดาวเตะสารพัดประโยชน์ชาวเยอรมันที่เป็นศูนย์รวมของทีมอย่างเงียบๆ หรือแม้แต่ โจ อัลเลน ก็กลายเป็นห้องเครื่องที่ทีมขาดไม่ได้

ดังนั้นในเกมที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อโอกาสที่ลิเวอร์พูล จะแซงหน้าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับไปติดท็อปโฟร์อีกครั้ง โดยที่มีโอกาสและความสามารถมากพอจะไปได้ไกลกว่านั้นด้วย  โดยไม่ว่าจะ “หงส์” หรือ “ผี” ต่างก็แอบฝันถึงอันดับ 2 แล้วด้วยซ้ำ

เมื่อคิดถึงแง่นี้จึงเป็นไปได้ที่เบร็นแดน ร็อดเจอร์ส อาจต้องใจแข็งและคิดถึง “ทีม” มากกว่า “บุคคล”


กระนั้นในเกมล่าสุดกับสวอนซี ซิตี้ เจอร์ราร์ดมีส่วนอยู่ไม่น้อยในการทำให้ลิเวอร์พูล กลับมาเล่นได้ในจังหวะของตัวเอง เมื่อรับบทบาทเดิมกับฤดูกาลที่แล้วในฐานะตัวทำเกมจากแนวลึก บัญชาเกมอยู่ด้านหลัง ปล่อยให้เฮนเดอร์สัน, อัลเลน และคูตินโญ่ สร้างสรรค์เกมอย่างสบาย และทำให้ทีมเก็บชัยชนะจากเวลส์กลับมาได้สำเร็จ

“คุณภาพ” ของเจอร์ราร์ดนั้นแน่นอนว่ายังมี “ของ” อยู่ ขณะที่สภาพร่างกายดูแข็งแรงพอสมควร บางครั้งในเกมระดับนี้ “ประสบการณ์” ของเขาอาจช่วยทีมได้ โดยเฉพาะในเกมที่มีความกดดันสูงอย่างการรับมือคู่ปรับแห่งถนนสาย M62

เพราะแม้เทียบฟอร์มกันตามอารมณ์และความรู้สึก แมนฯ ยูไนเต็ดอาจดูเป็นรอง แต่ไม่ได้หมายความว่าลิเวอร์พูล ที่ไม่เคยแพ้ใครในลีกอีกเลย นับตั้งแต่โดนถล่มในเกมที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด มา 3-0 จะเก็บชัยชนะเหนือพวกเขาได้โดยง่ายเหมือนฤดูกาลที่แล้ว

ปีศาจแดงใต้การบงการของหลุยส์ ฟาน ฮาล ถึงจะโดนดูแคลนว่ามากับดวงบ้าง เล่นไม่สวยบ้าง แต่ผลงานในภาพรวมของพวกเขาถือว่าน่าพอใจ และดูเหมือนในเกมล่าสุดที่หักคอไก่ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ 3-0 พวกเขาจะค้นพบแนวทางการเล่นที่ดีที่สุดของตัวเอง

อาจไม่ถูกใจแฟนบอลนักแต่สไตล์แบบ Direct football กับการออกปีกแล้วสาดโด่งเข้ามาให้ มารูยาน เฟลไลนี่ กับรูนี่ย์ คอยหาโอกาสนั้นถือว่ามีประสิทธิภาพอยู่ไม่น้อย

และเหนืออื่นใดไม่ควรมีใครในโลกลูกหนังที่จะประมาทมันสมองของกุนซืออย่างฟาน ฮาล


การดวลเกมกลยุทธ์ข้างสนามระหว่างร็อดเจอร์ส และฟาน ฮาล จะเป็นการต่อสู้ที่น่าสนุก โดยเฉพาะเมื่อคิดถึง “บัญชีแค้น” ที่ร็อดเจอร์ส ยอมกลืนเลือด กดปุ่มรีเซ็ททีมใหม่ในเกมล่าสุดที่พบกัน ยอมให้แมนฯ ยูไนเต็ดถล่ม วันนี้ระบบใหม่ของลิเวอร์พูล พร้อมยิ่งกว่าพร้อมที่จะคิดบัญชีกับแมนฯ ยูไนเต็ดแล้ว

ยิ่งหากทุกคนลงสนามด้วยความรู้สึกที่ชัดเจนว่า นี่คือสงครามสีแดงนัดสุดท้ายของเจอร์ราร์ด

นักเตะลิเวอร์พูล ย่อมพร้อมจะสู้เพื่อความทรงจำที่ดีที่สุดสำหรับกัปตันของพวกเขา

เช่นกันกับเจอร์ราร์ด ที่พร้อมจะสู้เพื่ออนาคตของทีม

ลูกแม่กิ่ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook