"ของขวัญ" อีกครั้งจากทีมชาติไทย

"ของขวัญ" อีกครั้งจากทีมชาติไทย

"ของขวัญ" อีกครั้งจากทีมชาติไทย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันนี้ผมถือว่า ตัวเองมี “หน้าที่” ที่ยังไงก็ต้องพูดถึงทีมชาติไทยทั้ง 2 ชุด : ชุดซีเนียร์ หรือที่ควรจะเรียกว่า “ชุดใหญ่” และชุดปรีโอลิมปิก 2016

ครับ ในช่วงพีเรียด “ฟีฟ่า เดย์” กินเวลาประมาณ 9 วัน แต่บอลลีกหลักทั้ง โตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก และยามาฮ่า ลีกวัน ได้หยุดหลีกทางพร้อมๆ กับความ “ร่วมมือ” จากสโมสรสมาชิกอย่างเต็มที่เพื่อให้ทีมชาติได้เก็บตัวประมาณ 3 สัปดาห์ ระหว่าง 12 มี.ค.-3 เม.ย.58

ผมคงต้องขอยืมคำพูด “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง มาใช้ว่า ทีมช้างศึกได้มอบ “ของขวัญ” อันมีค่าให้กับแฟนบอลอีกครั้งแล้วครับ

มันยังเหลือเชื่อจริงๆ ในความรู้สึกนับจากเราได้แชมป์ ซีเกมส์ 2013” ตามด้วยอันดับ 4 เอเชียนเกมส์ 2014 ก่อนจะปิดท้ายด้วยแชมป์ซูซูกิ คัพ 2014

 

ครั้งนี้ ทัพนักเตะชุด ยู-22 ซึ่งปีหน้าจะกลายเป็น ยู-23 ประสบความสำเร็จอย่างงดงามทะลุรอบสุดท้ายสู้ศึก AFC U-23 แชมเปี้ยนชิพ 2016 ที่กาตาร์ ระหว่าง 12-30 ม.ค. และสามารถทำให้แฟนบอลได้มี “ความสุข” มากๆ

โดยเราจะเป็น 1 ใน 16 ชาติ เข้าร่วมทำการแข่งขัน และอย่างน้อยได้ “แอบลุ้น” เป็น 1 ใน 3 ทีมสุดท้าย เป็นตัวแทนโควตาเอเชียไปเตะ “โอลิมปิก 2016” ที่กรุงริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล

การเข้ารอบครั้งนี้ เราเข้าไปในฐานะทีมอันดับ 2 ที่คะแนนดีที่สุดจาก 5 ทีม ร่วมกับแชมป์ 10 กลุ่ม และประเทศเจ้าภาพ กาตาร์

แต่กว่าจะเก็บผลการแข่งขันกับ “โสมแดง” เกาหลีเหนือ ได้ ใครที่ได้ชมการถ่ายทอดสดคงจะเห็นแล้วว่า “ไม่ง่าย” โดยเฉพาะ 30 นาทีแรกที่ทัพนักเตะไทยโดนโหมบุกกระหน่ำ

“ซิโก้” ยืนยันว่า นั่นเป็นแผนการ โดยเฉพาะการถอย ธนบูรณ์ เกษารัตน์ มายืนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ และเลือกเล่นในลักษณะที่เจ้าตัวเรียกว่า “เล่นแบบเน้นผลการแข่งขัน”

 

หรือก็แปลหยาบๆ ได้ว่า เล่นไม่ให้แพ้ไว้ก่อน!

ขณะเดียวกัน แม้จะมี “สมมติฐาน” ก่อนเกมว่า คู่นี้กอดคอเสมอกันก็เข้ารอบทั้งคู่ แต่หากใครเห็นการเข้าปะทะ ความเร็วในการเพรสซิ่งของทั้ง 2 ทีม หรือความทุ่มเทแล้ว

เกมนี้ไม่มี “อ่อนข้อ” แน่นอน และก็คือว่า เสมอเหมือนชนะนะครับสำหรับผมในนัดนี้

เพราะที่สุดแล้ว การเป็นอันดับ 2 ที่ดีที่สุด “ก็หล่อ” มิใช่เบาครับ^^

ขณะเดียวกัน ทีมชาติไทยชุดใหญ่สามารถเชือดสิงคโปร์ได้ท้ายเกม 2-0 ตามด้วยนำแคเมอรูนที่มีตัวระดับโลกค้าแข้งในลีกยุโรป และมีดีกรีไปเตะบอลโลกมาแล้ว 2-0 ก่อนถูกแซง 3-2 อย่างน่าเสียดาย

ทว่า “ไม่เสียใจ” แม้แต่น้อยกับทีมอันดับ 49 ฟีฟ่า เวิลด์ แรงกิ้ง และมีนักเตะอย่าง สเตฟาน เอมเบีย, คลีนตัน เอนจี้, อเลเรียน เชสจู, แฟรงค์ อิตุยดี้ ฯลฯ นำทัพ

เราเสีย 2 ประตู แบบ “พลาดเอง” ซึ่งเป็นบทเรียนที่ต้องเก็บไว้เป็นประสบการณ์

ขณะเดียวกัน “ซิโก้” ยังได้ทำตามคำสัญญาด้วยการเรียกนักเตะใหม่ๆ และได้ทดลองผู้เล่น เช่น เอกชัย สำเร, วิทยา หมัดหลำ, อนุวัฒน์ น้อยชื่นพันธ์, ประทุม ชูทอง, กรวิทย์ นามวิเศษ, รุ่งรัฐ ภูมิจันทึก

รวมถึงได้ “ทดลอง” ระบบ และวิธีการเล่น หรือก็คือได้ใช้ “ฟีฟ่า เดย์” อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

ดังนั้นเมื่อ “ทิศทาง” เดินหน้ามาถูกต้องอย่างต่อเนื่องแล้ว การต่อยอด “ฟีฟ่า เดย์” โดยวางแผนอุ่นเครื่องกับทีมดีๆ น่าจะเป็นสิ่งที่ต้องทำต่อไปตลอดอีก 4 ช่วงเวลาปฏิทินฟีฟ่า 8-16 มิ.ย., 31 ส.ค.- 8 ก.ย., 5-13 ต.ค. และ 9-17 พ.ย.58

เช่นเดียวกัน ทีมชุดปรีโอลิมปิก ก็ต้องวางแผนเก็บตัวต่างประเทศ และอุ่นเกือกกับทีมมีระดับที่ไม่ใช่ “เสืออาเซียน” อีกต่อไปแล้ว

โดยนายก วรวีร์ มะกูดี ยืนยันจะสนับสนุน “แผนงาน” ของ “ซิโก้” หลังจากระบุตัวเลขอัดฉีด 2 ล้านบาท ที่ทะลุเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ในครั้งนี้

ทิ้งท้ายไว้เล็กน้อยครับว่า ไม่เฉพาะทีมชาติ 2 ชุดข้างต้น ทั้งนี้เดือน มิ.ย. ระหว่าง 5-16 มิ.ย. ที่ไทยพรีเมียร์ลีกจะพักแข้ง 26 วัน เพื่อหลีกทางให้

เราชาวไทยยังมี “ช้างศึก ชุด 3” เตรียมสู้ศึกซีเกมส์ 2015 ที่สิงคโปร์ อีกด้วย

และเวลาดังกล่าวก็จะคาบเกี่ยวกับ “ฟีฟ่า เดย์” ของทีมชาติชุดใหญ่ที่ผม “เป็นห่วง” สุขภาพ “ซิโก้” ที่หากต้องวิ่งรอกรับผิดชอบ “หัวโขน” ทั้ง 3 ชุด

ไม่ใช่ว่า ทำไม่ได้ เพราะ “ซิโก้” พิสูจน์แล้วว่า ทีมงานดีพอ และเจ้าตัวก็บริหารจัดการทีม พี่น้องสื่อกีฬา และความคาดหวังของแฟนบอลได้เป็นอย่างดีมาก

จนแทบจะกลายเป็น “ซูเปอร์แมน” อยู่แล้ว

บรรทัดนี้ คงต้องยืนยันอีกครั้งว่า แฟนบอลไทย “โชคดี” ได้คนที่ทุกคนยอมรับ และพร้อมสนับสนุนมาคุมทีมในปีที่ดูน่าตื่นเต้นกว่า 2 ปีที่ผ่านมาเสียอีก

เอาใจช่วยอย่างแรงครับ!!!

ไข่มุกดำ

เครดิตภาพจาก เพจ บริษัท สปอร์ต ฮีโร่ จำกัด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook