คืนนี้.. วันคิดบัญชีแค้นของ "เวนเกอร์"

คืนนี้.. วันคิดบัญชีแค้นของ "เวนเกอร์"

คืนนี้.. วันคิดบัญชีแค้นของ "เวนเกอร์"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไม่ว่าผลจะจบลงอย่างไรในเกมที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม บทสรุปของฤดูกาลนี้จะไม่เปลี่ยนไปครับ

ช้าหรือเร็วเชลซี จะยังคงเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกอยู่ดี

เพราะหากเป็นไปตามเงื่อนไขที่ดีที่สุดสำหรับเชลซี ทีมของโจเซ่ มูรินโญ่ มีโอกาสจะคว้าแชมป์ได้ตั้งแต่วันพุธหน้านี้เลยทีเดียวหากสามารถบุกมาเอาชนะอาร์เซนอล และเลสเตอร์ได้ 2 นัดติดต่อกัน หรือหากตีความอีกนัยหนึ่งคือต่อให้ไม่ชนะที่รังของ “กันเนอร์ส” พวกเขาก็มีโอกาสจะคว้าแชมป์ได้อยู่ดีใน 1-2 นัดถัดไป

แต่ไม่ใช่ว่า 90 นาทีที่เอมิเรตส์ จะไม่มีความหมายใดๆให้ค้นหา เมื่อฟุตบอลนั้นไม่ได้มีแค่เรื่องของชัยชนะ ความพ่ายแพ้ หรือถ้วยรางวัลเพียงอย่างเดียว

ฟุตบอลมีความหมายมากกว่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นเกมระหว่างสองทีมยักษ์ใหญ่แห่งลอนดอน ที่มีสองกุนซือซึ่งกลายเป็น “คู่กัด” อีกคู่หนึ่งประจำวงการ

ภาพการ “น็อตหลุด” ของปราชญ์ลูกหนังชาวฝรั่งเศส ที่ไปผลักอกกุนซือจอมโอหังชาวโปรตุเกสในการพบกันครั้งล่าสุดที่เดอะ บริดจ์ ยังเป็นภาพที่ชวนตกใจอยู่ไม่น้อย เพราะไม่บ่อยที่เวนเกอร์ จะเสียอาการเช่นนั้น และมากกว่านั้นคือการที่ มูรินโญ่ ยืนยันว่าไม่เคยได้รับคำขอโทษใดๆจากคู่อริด้วยซ้ำ

และแม้กระทั่งก่อนเกมนี้ทั้งคู่ยังเปิดวิวาทะกันในเรื่องกลยุทธ์ “รถบัส” ของเชลซี

ทั้งหมดทั้งมวลนั้นเป็นการ “โหมโรง” ก่อนเกมนัดนี้ให้เร่าร้อนยิ่งนัก โดยเฉพาะสำหรับอาร์เซนอล และอาร์แซน เวนเกอร์ นี่คือเกมที่พวกเขาตั้งเป้ารอคอยและต้องการที่จะเก็บชัยชนะเหนือเชลซีของมูรินโญ่ให้ได้เป็นครั้งแรก

หลังจากที่ไม่เคยทำได้สำเร็จเลยตลอดการพบกัน 12 ครั้งที่ผ่านมาเมื่อพบกันในลีก

ประเมินจากผลงานและศักยภาพทีม เหล่ากันเนอร์สมี “โอกาส” ที่จะทำได้ ด้วยฟอร์มที่กำลังร้อนแรง เก็บชัยชนะได้ต่อเนื่อง 8 นัดในลีก โดยที่เหล่าสตาร์ในทีมเริ่มเปล่งประกายออกมาพร้อมกัน และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริงของอาร์เซนอลให้ประจักษ์

ไม่ผิดที่จะกล่าวว่านี่คือกันเนอร์สชุดที่แข็งแกร่งและมีความลงตัวมากที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาไม่ใช่ทีมของเด็กอมมือที่ยังไม่หย่านมอีกต่อไป เพราะปัจจุบันแกนของทีมในเวลานี้คือเหล่าสตาร์ต่างชาติอย่าง อเล็กซิส ซานเชซ, เมซุต โอซิล,โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์, ซานติ กาซอร์ล่า และโลร็องต์ กอสเซียลนี่

ดาวรุ่งที่แจ้งเกิดและกลายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมลงตัวมีเพียง เอคตอร์ เบเญริน และฟรานซิส ก็อกเกแลง เท่านั้น

โดยนับจากความปราชัยต่อโมนาโก คาเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม อาร์เซนอลไม่เคยหันกลับไปมองข้างหลังอีกเลย พวกเขาก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยหัวใจที่แข็งแกร่ง อันเป็นผลจากความมุ่งมั่นร่วมกันในการจะพลิกชะตาในการกลับไปชนะโมนาโกที่สต๊าด หลุยส์ เดอซ์ ซึ่งแม้ปาฏิหารย์จะไม่มีจริง แต่มันได้เปลี่ยนจิตใจของอาร์เซนอลไปมาก

เรียกว่าเป็นเกม Coming of age ของกันเนอร์สอย่างแท้จริง และครั้งนี้พวกเขาต้องการชัยชนะเหนือคู่ปรับครั้งแรกเพื่อ “ปลดปล่อย” ทีมออกจากคำสาป และสถาปนาตัวขึ้นเป็นทีมระดับลุ้นแชมป์เต็มตัวสำหรับฤดูกาลหน้า

อย่างไรก็ดีแม้ในฟอร์มที่ดีที่สุด และดูได้เปรียบกว่าเชลซีซึ่งมีปัญหาอย่างหนักในแนวรุก จากการขาดโลอิก เรมี่ และต้องรอเช็คสภาพของดีเอโก้ คอสต้า ที่ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บรุมเร้าในระยะหลัง ซึ่งหากสองรายนี้ลงสนามไม่ได้จะเหลือเพียงม้าแก่อย่างดีดิเย่ร์ ดร็อกบา และม้าหนุ่มอย่างโดมินิค โซลานเก้ กองหน้าวัย 17 ปีเท่านั้นที่พร้อมจะลงสนาม - ก็ไม่ได้หมายความว่าอาร์เซนอลจะเป็นผู้ชนะที่ง่ายดายในเกมนี้

ในทางตรงกันข้าม นี่จะเป็นเกมที่อาร์เซนอล ต้องเจอเกมรับ “รถบัสสีน้ำเงิน” ของจริง เพราะเชลซี ในสภาพเช่นนี้พวกเขาเน้นเพียงผลการแข่งขันเท่านั้น จะไม่มีการเปิดเกมแลกให้เจ็บตัวแน่นอน

การเอาชนะเชลซี ในวันที่พวกเขาตั้งใจเล่นเกมรับนั้นเปรียบดังข้อสอบที่ยากจะไขสมการให้ถูกต้องได้ ต่อให้รู้วิธีการดีแค่ไหนก็ตาม

อย่าลืมว่าพวกเขายังมี เอเดน อาซาร์ เพลย์เมคเกอร์คนสำคัญ ซึ่งมักจะทำผลงานได้ดีเสมอในเกมสำคัญ

เช่นกันกับ เชส ฟาเบรกาส ที่จะได้กลับบ้านครั้งแรก - ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ชาว “กูนเนอร์ส” อกแทบแตกตาย และเป็นหนึ่งในเรื่องที่ มูรินโญ่ หยิบมาทิ่มแทงใจให้เจ็บปวดว่าเชส กลับมาอังกฤษและเลือกเชลซีเพราะอยากอยู่กับทีมที่เป็นแชมป์

ครับ - ย้ำกันอีกครั้ง ไม่ว่าผลการแข่งขันในเกมนี้จะจบลงอย่างไร บทสรุปสุดท้ายเชลซีจะยังคงเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกอยู่ดี

แต่ทำไมไม่ทราบ - ผมรู้สึกว่ามันน่าดูกว่าการพบกันหลายนัดที่ผ่านมา

ลูกแม่กิ่ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook