จารึกเล็งไทยจัดเอเชี่ยนบีชเกม

บิ๊กจา พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ รองประธานและเลขาธิการคณะกรรมการโอลิม ปิคแห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้เข้าหารือกับ นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนายชุมพล ได้ขอดูปฏิทินมหกรรมกีฬาในช่วง 7 ปี ต่อจากนี้ว่าจะมีการแข่งขันรายการใดเกิดขึ้นบ้าง และประเทศไทย สามารถจะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพรายการใดได้บ้าง เนื่องจากคณะรัฐมนตรี ได้อนุมัติแผนยุทธศาสตร์สร้างกีฬาไทยสู่ความเป็นเลิศ (พ.ศ. 2553-2559) ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้การสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพ ขอให้ส่งเรื่อง เข้าพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรีได้ทันที

สำหรับมหกรรมกีฬาในระดับเอเชี่ยนเกมส์และโอลิมปิกเกมส์นั้น คงต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ยาก หรืออาจจะเรียกว่าเกือบจะไกลเกินฝันที่เราจะเสนอตัวเป็นเภาพ เนื่องจากต้องทุ่มงบประมาณ และกำลังในการเสนอตัวที่สูงมาก ขณะที่กีฬาซีเกมส์นั้น ไทยน่าจะสามารถเป็นเจ้าภาพได้ในครั้งที่ 28 ในปี พ.ศ. 2558 เนื่องจากครั้งที่ 27 มีแนวโน้มที่ พม่า จะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ หลังจากได้ส่งทูตเข้ามาขอข้อมูลต่าง ๆ จากคณะกรรมการโอลิมปิคฯ ไปแล้ว ส่วนมหกรรมอื่น ๆ นั้น ส่วนตัวมองว่าไทยน่าจะเป็นเจ้าภาพเอเชี่ยนบีชเกมส์มากที่สุด ซึ่งสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) ได้ริเริ่มเป็นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2551 ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ส่วนครั้งที่ 2 จะจัดที่กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน ระหว่าง 8-16 ธ.ค.นี้ และโอซีเอ ยังกำหนดให้มีเจ้าภาพแล้วอีก 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 3 จัดที่เมืองไฮ หยาง ประเทศจีน ปี พ.ศ. 2555, และครั้งที่ 4 เกาะบาลาเคย์ ประเทศฟิลิปปินส์ ปี พ.ศ. 2557 ซึ่งไทยสามารถที่จะเสนอตัวได้ในการแข่งขันครั้งต่อไปในปี พ.ศ. 2559

แต่หากสถานการณ์ทางการเมือง ของไทยยังเป็นแบบนี้ โอกาสที่เราจะได้รับสิทธิเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาต่าง ๆ ก็จะยากมากขึ้นไปด้วยก็เหมือนครั้งที่ไทยเป็นเจ้าภาพเอเชี่ยนมาเชียลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 1 เมื่อปีที่แล้ว ก็มีความวุ่นวายทางการเมืองเกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร ทำให้ต้องเลื่อนการแข่งขันออกไปถึง 2 ครั้ง ขณะที่ผมก็ต้องเข้าชี้แจงต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อขอคำยืนยันจากรัฐบาลในการเป็นเจ้าภาพและอนุมัติงบประมาณจัดการแข่งขัน 200 ล้าน ซึ่งเกือบที่จะจัดการแข่งขันไม่ได้ ยังดีที่ไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงบานปลาย ซึ่งจะทำให้ประเทศชาติเสียชื่อเสียงมากไปกว่านี้ บิ๊กจา ย้ำ.