เหมือน "ไม่ใช่" บราซิล

เหมือน "ไม่ใช่" บราซิล

เหมือน "ไม่ใช่" บราซิล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ที่สุดแล้ว บราซิล ไม่ยอม “มาตามนัด” พบอาร์เจนตินา ในรอบตัดเชือก “โคปา อเมริกา ชิลี 2015” หลังแพ้จุดโทษให้ ปารากวัย 3-4 ในเกมที่เสมอ 1-1 ใน 90 นาที

ผลการแข่งขันสามารถถูกมองได้ว่า “พลิกล็อก” สำหรับแฟนบอลหัวอนุรักษ์ หรือผู้ที่ไม่ได้ชมเกมการแข่งขัน

แต่หากใครได้ชมเกมนัดนี้คงต้องยอมรับว่า ปารากวัย คู่ควรจะหักปากกาเซียนในแมตช์ที่สู้ได้ไม่เป็นรอง และทำได้ดีกว่าในครึ่งเวลาหลัง

การวางแท็กติก และการดึงสิ่งที่ดีที่สุดของผู้เล่นออกมาได้โดยกุนซือ ราม่อน ดิอ๊าซ สมควรได้รับคำชมเชยในทัวร์นาเมนต์ที่มีแต่ เสือ สิงห์ กระทิง แรด

แมตช์นี้ยังเป็นเกมที่ 3 จาก 4 นัดที่ลูกทีมของ ดิอ๊าซ ซึ่งอดีตเป็นนักเตะเยาวชนทีมชาติอาร์เจนตินา ร่วมรุ่น ดิเอโก้ มาราโดน่า ที่สามารถไล่ตาม “ตีเสมอ” คู่แข่งขันได้

เกมแรกโดน อาร์เจนตินา นำ 2-0 ก่อนไล่ตาม 2-2 สุดมันส์ และนัดสุดท้ายรอบแรกก็ไล่ตามตีเสมอ 1-1 หลังโดนแชมป์เก่า อุรุกวัย นำไปก่อน

เกมนี้หลังจาก โรบินโญ่ หลุดมาแปนิ่มๆ จากการเปิดของ แดนนี่ อัลเวส ในนาทีที่ 15 ผมเชื่อว่า คนแทบทั่วโลกมองว่า คาร์ลอส ดุงก้า และลูกทีมเตรียม “จองตั๋ว” รอบรองชนะเลิศได้เลย


หรือไม่ก็เตรียมรอดูประตูที่ 2 หรือ 3 ตามมาในทัวร์นาเมนต์ที่ โรบินโญ่ กลับมาแจ้งเกิดอีกคำรบด้วยวัย 31 ปี หลังกลับมาค้าแข้งให้สโมสรซานโต๊ส ในบ้านเกิด

ทว่า รองแชมป์เก่า กลับไม่คิดเช่นนั้น หนำซ้ำยังโต้กลับจาก “ริมเส้น” ที่คอยดักจังหวะทั้ง ฟิลิเป้ หลุยส์ และ อัลเวส ได้อย่างยอดเยี่ยม

เฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหนูวัย 21 ปี จากบาเซิล เดอร์ลิส กอนซาเลซ จากฝั่งขวาที่สวมหมายเลข 10 แถมยังเป็นคนสังหารจุดโทษตีเสมอ 1-1 ในครึ่งหลัง และยิงจุดโทษคนที่ 5 ให้ชิลีชนะเด็ดขาด

กอนซาเลซ ยังเป็นคนเปิดทุกลูกฟรีคิกของทีม โดยเฉพาะ “เตะมุม” ที่ปารากวัยซ้อมมาดีมาก และขึ้นโขกได้แทบทุกครั้งจากผู้เล่นตัวใหญ่ๆ เช่น เนลสัน บัลเดซ, โรเก้ ซานตา ครูซ, เปาโล ซิลวา

ขณะที่ฝั่งซ้ายก็เป็นปีกจรวดสไตล์ อังเคล ดิ มาเรีย ภาคปารากวัย อย่าง เอ็ดการ์ เบนิเตซ ที่ทำเอา อัลเวส ต้องยอมเสียใบเหลืองดักฟาวล์

ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่คอบอลจะได้เห็นการ “แลกหมัด” ชนิดปารากวัยป้องกันได้ดีก่อนคอยโต้เร็ว และทำเอาบราซิลแกว่งเป็นระยะๆ โดยเฉพาะต้นครึ่งหลัง


ซึ่งก็อาจเป็น “เหตุผล” ให้ ธิอาโก้ ซิลวา ตัดสินใจพลาดกระโดดพร้อมยกแขนจนเสีย “ค่าโง่” เป็นจุดโทษราคาแพงในนาทีที่ 72 ให้กับกอนซาเลซ

ครับ ปารากวัย เล่นดีด้วยในเกมนี้ และไม่ตื่นตระหนกจากการ “โดนนำ” ขณะที่ต้องบอกเช่นกันว่า บราซิล แม้ไม่ได้อุด แต่ก็เล่นคล้ายๆ กับ “ปกป้อง” ประตูออกนำ 1-0 มากกว่าจะคิดบุก หรือตอกตะปูปิดฝาโลงชิลี

ประเด็นนี้ผมมองว่า “อันตราย” เพราะบราซิล ไม่ได้กำลังเล่นเหมือน “บราซิล” ที่ได้ชื่อว่าเป็น “พี่เต้ย” หมายเลข 1 แห่งทวีปนี้

ความหมายของผมคืออะไร?

เหมือนทีมชาติไทย เจอทุกชาติในอาเซียนครับ เราจะเป็น “ฝ่ายบุก” และยังบุกต่อเนื่องแม้ได้ประตูนำ เพราะเราเล่นแบบ “เบอร์ 1” อาเซียน ชนิดภาคภูมิใจ และเล่นมากกว่าต้องการชนะธรรมดาๆ

ตรงข้าม คู่แข่งจะ “อุด” เอารถบัสมาขวาง หรือตัดเกมเรา เพราะเค้ากลัวเรา และรู้ว่าเป็นรองเรา

ทว่านี่คือความ “น่ากลัว” ที่ชั่วโมงนี้ (อาจจะ) ไม่มีใครกลัวบราซิลแล้ว โดยเฉพาะหากดูรายชื่อ 11 คนแรก ที่ไม่มี เนย์มาร์ และคนอื่นๆ เป็นได้แค่ “ตัวประกอบ”

ที่ไม่มีใครเกรงขาม!!!


ยิ่งบราซิล อาจทำตัวเองด้วยการเล่นแบบ “ไร้คาแร็กเตอร์” ปราศจาก “ผู้นำ” ประกอบกับแผนการที่จริงๆ แล้วมี เช่น การเปลี่ยนตัว ดั๊กกลาส คอสต้า และเอฟเวอร์ตัน ริเบโร่ ลงไปท้ายเกมหวัง “ยิงโทษ”

กาลกลับกลายเป็น 2 นักเตะ เท้าซ้ายทั้งคอสต้า และริเบโร่ ยิงจุดโทษพลาดเสียเอง และต้องตกรอบ 8 ทีม ด้วยเงื้อมมือทีมเดิมที่เคยเขี่ยพวกเค้าตกรอบนี้เมื่อ 4 ปีก่อน

ครั้งที่แล้ว บราซิล สร้างหายนะยิงไม่เข้าเลย 4 คน ครั้งนี้แม้จะดีขึ้นที่ยิงเข้า 3 จาก 5 แต่นั่นก็ไม่ใช่ “มาตรฐานบราซิล” เหมือนที่แพ้ยับ 1-7 ไม่เหลือความเป็น “บราซิล” ตกรอบบอลโลก 2014 ให้เยอรมัน

และภาพรวมก็ไม่ใช่ “วิถี” หรือคือ “วัฒนธรรม” ฟุตบอลบราซิล แบบที่ควรจะเป็น

ฉะนั้นจึงอย่าแปลกใจครับที่การตกรอบครั้งนี้จะไม่ได้ยิ่งใหญ่ระดับ “เฮดไลน์” ตกใจชาวโลก เพราะมันก็แค่ “อีกครั้ง” ที่แฟนบอลเริ่มคุ้นชินกับการตกรอบของ บราซิล ครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook