ความฝันอันแสนสั้น

ความฝันอันแสนสั้น

ความฝันอันแสนสั้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถ้ากราฟชีวิตของ "ริคกี้ แลมเบิร์ต" พุ่งสูงปรี๊ดเมื่อได้ย้ายจาก เซาธ์แฮมป์ตัน ไปร่วม ทีมลิเวอร์พูล เมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว

ผลงานในซีซั่นที่ผ่านมาบวกกับอายุที่ปาเข้าไป 33 แล้ว กราฟของเขากำลังเข้าสู่ช่วงขาลงอย่างไม่ต้องสงสัย

แม้จะเป็นนักเตะใหม่รายแรกที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส คว้าตัวไปเสริมทัพเมื่อฤดูกาลที่แล้ว และถูกมองว่าเป็นดีลที่ดีสำหรับหงส์แดง เมื่อจ่ายก้อนแรกแค่ 4 ล้านปอนด์ แลกกับดาวยิงตัวเก่งของนักบุญ

แต่แลมเบิร์ตกลับไม่มีโอกาสได้โชว์ฝีเท้ามากเท่าที่ควร และต้องเริ่มต้นชีวิตในแอนฟิลด์ด้วยการนั่งสำรองเป็นส่วนใหญ่

เขาถูกกุนซือหงส์แดงมองข้าม จนกระทั่ง ฟาบิโอ บอรินี่ กองหน้าที่เกือบถูกลืม ยังได้โอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงก่อนเขา ในช่วงที่ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ เจ็บไปตั้งแต่ต้นฤดูกาล

หรือแม้แต่ในช่วงที่ มาริโอ บาโลเตลลี่ อีกหนึ่งกองหน้าตัวใหม่ ฟอร์มตกหรือเจ็บไป แลมเบิร์ตก็ยังคงต้องติดสนับก้นต่อไป เมื่อ ร็อดเจอร์ส เลือกที่จะจับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ไปศูนย์หน้าแทน


แลมเบิร์ตลงเอยด้วยการได้ลงแล่นเป็นตัวจริงในเกมพรีเมียร์ลีกให้ลิเวอร์พูลแค่ 7 นัดเท่านั้น และทำได้เพียง 2 ประตู ในการลงเล่นรวมทั้งสิ้น 25 นัด

ฤดูกาลใหม่นี้ลิเวอร์พูลจะได้ ดิว็อค โอริกี มาเสริมแนวรุก หลังจากซื้อมาตั้งแต่ปีก่อนแต่ต้องปล่อยลีลล์ยืมตัวไปก่อน และยังมี คริสเตียน เบนเทเก้ เป็นเป้าหมายหลักที่กำลังพยายามจะดึงตัวมาจาก แอสตัน วิลล่า ให้ได้อีกคน

เมื่อรวมกับ สเตอร์ริดจ์ ที่คงจะเป็นตัวหลักเหมือนเดิมยามที่ไม่มีปัญหาการบาดเจ็บรบกวน และ บาโลเตลลี่ ที่อาจจะอยู่เกะกะต่อไป เพราะขายไม่ออก แม้สเตอร์ลิ่งอาจจะย้าย แต่โอกาสของแลมเบิร์ตก็คงไม่มีมากขึ้นกว่าเดิมแน่

โอกาสเดียวที่เขาจะกลับมาโชว์ฟอร์มเก่งในแบบที่เคยทำให้ถูกเรียกตัวไปเล่นให้ทีมชาติอังกฤษมาแล้ว 3 นัด คงเป็นการย้ายไปเล่นให้กับทีมอื่นที่เขาจะได้ลงสนามอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น

แม้ความฝันอันแสนหวานที่จะได้เล่นให้กับลิเวอร์พูลของเขาถูกเติมเต็มในที่สุด แต่มันอาจจะจบลงอย่างรวดเร็วด้วย เมื่อเขาต้องยอมรับความจริงและย้ายไปหาความสำเร็จที่อื่นแทน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook