"1 เดือนก่อนตลาดปิด"

"1 เดือนก่อนตลาดปิด"

"1 เดือนก่อนตลาดปิด"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เหลือเวลาอีกเพียง 4 วัน ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลใหม่ 2015/16 ก็จะได้ฤกษ์เปิดฉากนะครับ ขณะที่ “ตลาดนักเตะผู้ดี” จะยังมีเวลาอีกเกือบ ๆ 1 เดือน

หรือกระทั่ง “เที่ยงคืน” วันอังคารที่ 2 ก.ย.ตามเวลาบ้านเรา

ภาพรวม ณ ตอนนี้ “บีบีซี” ได้เขี่ยลูกมาแล้วว่า ยอดใช้จ่ายยังไม่เยอะ และห่างจากซัมเมอร์ที่แล้ว 335 ล้านปอนด์

เพราะตอนนี้ ตัวเลขเพิ่งทะลุหลัก 500 ล้านปอนด์เท่านั้น

ราฮีม สเตอร์ลิง เป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในการย้ายเข้า 44 ล้านปอนด์ที่รอจ่ายอีก 5 ล้านปอนด์ ขณะที่อังเคล ดิ มาเรีย ไม่น่าพลาดย้ายออกแรงสุด 45 ล้านปอนด์

แมนฯ ยูไนเต็ด จับจ่ายไปแล้ว 83 ล้านปอนด์ผ่าน 5 ตัวหลักๆ และหลุยส์ ฟาน ฮัล ยัง “ไข่ทิ้ง” ไว้ว่า จะมีเซอร์ไพรส์ใหญ่ ๆ อีก 1 ราย

ซึ่งไม่ต้องเดาเลยว่า หากปิดดีลสู่ เปแอสเช ของดิ มาเรีย ได้จริงๆ แมนฯ ยูไนเต็ด น่าจะขยับทันที

เหมือนตอนลิเวอร์พูล เลหลัง สเตอร์ลิง ได้ปุ๊ปก็สอย คริสติยอง เบนเตเก้ เข้ารังแอนฟิลด์ปั๊บด้วยราคาเป็นสถิติอันดับ 2 ของสโมสร 32.5 ล้านปอนด์

ทั้งนี้หากไม่นับ “เซอร์ไพรส์ๆ” จาก ฟาน ฮัล, พรีเมียร์ลีก ยังคงรอ “บิ๊กดีล” ที่ตกเป็นข่าวมาช้านาน เช่น เควิน เดอ บรอยน์ ระดับ 40-50 ล้านปอนด์จาก โวล์ฟสบวร์ก สู่แมนฯ ซิตี้


และก็แน่นอน จอห์น สโตนส์ ในราคาประมาณ 30 ล้านปอนด์จากเอฟเวอร์ตัน สู่เชลซี

โดยแน่นอนว่า การย้ายหนึ่ง จะนำไปสู่การย้ายอื่นๆ ตามมา เช่น ทีมทอฟฟี่ คงไม่อยู่เฉยจากเงินค่าตัว สโตนส์ และทีมที่เอฟเวอร์ตัน ไปสอยกองหลังมาแทนสโตนส์ ก็คงขยับเพิ่มเติม เป็นต้น

อันนำมาซึ่ง “ตัวเลข” สะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บวกกับระยะเวลาที่ “พอได้” ให้ใช้สอยเงิน แม้จะเป็นช่วงตลาดวาย หรือของเหลือน้อยแล้วก็ตาม

หรือของที่มีได้กลับสู่ทีมเดิม และร่วมซ้อมไปแล้ว อันทำให้ปิดดีลยากขึ้น

เขียนถึงตรงนี้ ผมยัง “แอบห่วง” เชลซี นะครับ เพราะเชื่อว่า จอห์น สโตนส์ เป็นการซื้อสำหรับอนาคตที่ตอนนี้มีเซนเตอร์ฮาล์ฟดีๆ อยู่อย่างน้อย 3 คนแล้ว จอห์น เทอร์รี่, แกรี่ เคฮิลล์, เคิร์ต ซูม่า หรือดึง บรานิสลาฟ อิวาโนวิช มาเล่นก็ได้

แต่หัวหอกดาวซัลโวตอนนี้ “ขาดแคลน” เนื่องจาก ดิเอโก้ คอสต้า เจ็บบ่อย, โลอิค เรมี่ ก็ประวัติไม่ดีเรื่องบาดเจ็บ และยังไม่ใช่ตัวหลัก

ฉะนั้น หากเชลซี ไม่ขยับจริงๆ ผมพูดล่วงหน้าได้เลยใน 2 ประเด็นว่า

1.โจเซ่ มูรินโญ่ ต้อง “มั่นใจ” ในตัวราดาเมล ฟัลเกา มากๆ
2.ซีซั่นนี้จะเป็นปีที่ประสบความสำเร็จที่สุดเหมือนยุคสมัย แอตเลติโก้ มาดริด ของฟัลเกา


หากไม่ได้ตาม 2 ข้อนี้แล้ว เชลซี อาจจะมีสิทธิ์ป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อยู่ แต่ในเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จะประสบความยากลำบากมากๆ ในการทะลุผ่านรอบ 8 ทีมสุดท้าย

...ถัดจากประเด็น “ภาพรวม” ด้านมูลค่าการซื้อ/ขายของตลาดข้างต้น “อีกภาพ” คือ ภาพรวมนักเตะที่ย้ายเข้า/ออกเรียบร้อยแล้วภายใต้วงเงินทะลุ 500 ล้านปอนด์ข้างต้น

บนหัวตาราง เราจะเห็นรายชื่ออย่าง สเตอร์ลิง, เบนเตเก้, เฟียร์มิโน่ หรือเมมฟิส เดอปาย ที่เป็นเกรดมีระดับ แต่ชื่อชั้นยังไม่ใช่ขั้น Elite Players หรือเกรดพรีเมียม

เกรดเอ พรีเมียม เช่น อาร์ตูโร่ วิดัล, คาร์ลอส บัคก้า, อาร์ดา ตูราน ซึ่งประสบความสำเร็จในเวทีนานาชาติ ย้ายกระจายไป บุนเดสลีกา, กัลโช่ฯ และลา ลีกา ซึ่งลีกสเปน ยังคงอัดแน่นตัวนักเตะระดับท็อปเอนด์มากที่สุดเหมือนเดิม

อย่างไรก็ดี พรีเมียร์ลีก กลับมี “ดีลย่อย” ที่น่าสนใจ เช่น เซร์คิโอ โรเมโร่, อิบราฮิม อเฟลลาย, อังเดร อายิว ซึ่ง “ทุกลีก” หลักยุโรปก็จะมีดีลย่อยในลักษณะนี้

หรือมีนักเตะเกรดพร้อมระเบิดตัวอีกหลายคน เช่น ดั๊กลาส คอสต้า (บาเยิร์นฯ), แจ็คสัน มาร์ติเนซ (แอตฯ มาดริด) ฯลฯ เหมือนๆกันทุกลีก

รวมความในส่วนนักเตะแล้ว น่าจะสรุปได้เพียงว่า ลา ลีกา โดยเฉพาะ บาร์เซโลน่า และเรอัล มาดริด ยังคงเป็นแหล่งรวมนักเตะเกรดพรีเมียมไว้มากที่สุด

แต่ในตัวเลขการซื้อขาย และดีลในระดับ “มีศักยภาพ” พรีเมียร์ลีก ไม่เป็นรองทั้งจากตัวเลข และความรู้สึก

สุดท้าย บทความนี้จะไม่ได้ “ประโยชน์” เลยหากไม่พูดถึงผลงานในเวทียุโรป อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

เพราะเวทีนี้จะเป็น “ดรรชนี” ชี้ว่า เม็ดเงินที่จ่ายไป หรือนักเตะที่ดึงเข้ามา “ดีจริง” และประสบความสำเร็จหรือไม่อย่างไร?

ใน 3 ซีซั่นล่าสุดนับจาก 2012/13 – 2014/15 ตัวแทนจากพรีเมียร์ลีก ทำผลงานได้ค่อนข้างแย่โดยไม่สามารถเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้เลยในปี 2012/13

เข้ารอบควอเตอร์ฯได้ 2 ทีม และตัดเชือก 1 ทีมในปี 2013/14 และตกรอบเรียบวุธตั้งแต่รอบน็อคเอ๊าท์ 16 ทีมสุดท้ายในฤดูกาลที่ผ่านมา

เรียกได้ว่า “สอบตก” สิ้นเชิงใน 3 ซีซั่นล่าสุด และไม่ได้ “ตอบโจทย์” ในแง่มูลค่าการลงทุนครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook