ความเป็นมืออาชีพ, การตกนรกทั้งเป็น และกุนซือจอมปรัชญา?!

ความเป็นมืออาชีพ, การตกนรกทั้งเป็น และกุนซือจอมปรัชญา?!

ความเป็นมืออาชีพ, การตกนรกทั้งเป็น และกุนซือจอมปรัชญา?!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ท่ามกลางคราบโคลนที่ขว้างปากันไปมาระหว่าง เรอัล มาดริด และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในกรณีการย้ายทีมของดาวิด เด เกอา ที่กลายเป็น “หมัน”

ไม่ว่าจะหยิบยกกี่เหตุผลขึ้นมาปกป้องการกระทำของตัวเอง ก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาครับ เช่นกันกับการพยายามค้นหา “ความจริง” ซึ่งจะมีเพียงหนึ่งเดียวว่าเกิดอะไรขึ้นในฉากหลังของการเจรจา โดยส่วนตัวผมมองว่าเป็นความพยายามที่ไร้ค่า

บทสรุปในเวลานี้คือ เด เกอา จะไม่ได้ย้ายทีมในตลาดการซื้อขายรอบนี้

ไม่มีอะไรมากหรือน้อยไปกว่านั้น

โดยส่วนตัวมีความเห็นใจกับนายทวารชาวสเปนอยู่บ้าง เพราะไม่เพียงจะต้อง “ฝันค้าง” อดย้ายไปซานติอาโก เบอร์นาบิว เขายังต้อง “ตกนรก” ทั้งเป็นทนอยู่ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด อีกอย่างน้อย 4-8 เดือน

นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่จะพลาดการได้เป็นนายทวารมือหนึ่งทีมชาติสเปนในศึกยูโร 2016 ที่ประเทศฝรั่งเศสในปีหน้าด้วย

แต่ในอีกด้านแล้ว สิ่งที่เด เกอา จะต้องเผชิญหลังจากนี้เป็นผลจากการกระทำของตัวเองด้วยเช่นกัน กับความไม่เป็น “มืออาชีพ” ไม่มีสมาธิทุ่มเทในการเล่นให้กับต้นสังกัด และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้ได้ย้ายออกจากทีม

สิ่งเหล่านี้ไม่เคยได้รับการบันทึกว่าเป็น “จรรยา” ที่ดีของนักฟุตบอลอาชีพ

เพราะในคำว่ามืออาชีพ ไม่ว่าจะรู้สึกเช่นไร หากไม่เกินความสามารถของร่างกายและจิตใจที่จะรับไหว เขาควรจะลงสนามด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจเต็มที่เสมอ

การกระทำของเด เกอา และนักฟุตบอลระดับสตาร์อีกหลายคนที่มีอาการ “ดื้อแพ่ง” จะเอาแต่ตามใจตัวเองเพียงอย่างเดียว ถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงสำหรับวงการฟุตบอลในอนาคตครับ เพราะมันจะกลายเป็น “กระแส” ให้เกิดการกระทำต่อเนื่อง

เรื่องนี้เป็นสิ่งที่บรรดาสมาคมนักฟุตบอลอาชีพทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น PFA หรือ FIFPro ต้องพยายามหาทาง “อบรม” ให้นักฟุตบอลอาชีพปฏิบัติตัวสมกับเป็นมืออาชีพเหมือนในอดีตอีกครั้ง

อย่างไรก็ดีสำหรับ เด เกอา (และอาจรวมถึงนักเตะที่ผิดหวังคนอื่นๆ เช่น ไซโด เบราฮิโน่) ควรจะทำไม่ใช่การอยู่อย่างซังกะตายรอเวลาให้สัญญาหมดลงเพื่อจะย้ายทีมอย่างเป็นอิสระ

หากแต่เป็นการกลับมาเล่นฟุตบอลให้สมกับที่เป็นนักฟุตบอลอาชีพอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นในการซ้อม หรือหากได้รับโอกาสในการลงสนามอีกครั้ง

ประตูที่ว่ากันว่ามีโอกาสจะท้าชนกับ มานูเอล นอยเออร์ ในฐานะ “มือหนึ่งโลก” ไม่ใช่นักฟุตบอลคนแรกที่อกหักไม่ได้ย้ายทีม

คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ก็เคยตกอยู่ในสภาวะเดียวกันมาก่อน แต่สุดท้ายก็สลัดทุกอย่างในหัวทิ้งและกลับมาตั้งใจเล่น ระเบิดความสามารถทุกอย่างที่มีออกมาจนเมื่อถึงเวลาก็ได้ย้ายไปเรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวสถิติโลก

หลุยส์ ซัวเรซ เองก็เคย “อมทุกข์” แบบเดียวกับเด เกอา และเคยถูกสั่งให้ซ้อมแยกมาแล้ว แต่สุดท้ายกลับมาเป็นฮีโร่เกือบพาทีมสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ

นี่คือสิ่งที่นักฟุตบอลอาชีพควรจะทำครับ และผมเองเชื่อว่าเด เกอา เป็นมืออาชีพมากพอที่จะกลับมาเป็นคนเก่าได้อีกครั้ง

สิ่งเดียวที่กังวลคือภายใต้การนำของ หลุยส์ ฟาน กัล ผมไม่มั่นใจว่าจะมี “โอกาส” สำหรับเขาอีกมากน้อยแค่ไหน

เพราะในหมู่มวลกุนซือระดับท็อปของโลก ฟาน กัล น่าจะมีความเป็นมืออาชีพน้อยที่สุดแล้ว....

ลูกแม่กิ่ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook