เหตุการณ์สำคัญแห่งสัปดาห์ของศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย

ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับสำหรับสัปดาห์แห่งศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย ซึ่งเป็นทัวร์นาเม้นต์ที่ใช้คัดเลือกทีมเข้าร่วมสู้ศึกฟุตบอลเอเชี่ยน คัพ 2019 ด้วยอีกนัยหนึ่ง

แน่นอนว่าตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจจากการลงทำการแข่งขันในทั้ง 8 กลุ่ม เกิดขึ้นอย่างปฏิเสธไม่ได้

ฉะนั้น วันนี้ผมจึงขออนุญาติพาทุกท่านไปสรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้นตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่ามีเหตุการณ์สำคัญอะไรเกิดขึ้นบ้าง

เชิญติดตามได้เลยครับ...

1.ชัยชนะแบบถล่มทลายของทีมระดับหัวแถวของทวีปเอเชีย

สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชียและฟุตบอลเอเชี่ยน คัพ 2019 รอบคัดเลือก ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา จนถูกพูดถึงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากก็คือชัยชนะแบบถล่มทลายของทีมระดับหัวแถวของทวีปเอเชีย

มีหลายเกมด้วยกันที่บรรดาทีม “บิ๊กเนม” ของทวีปเอเชียจัดการถล่มเอาชนะคู่ต่อสู้ไปแบบไม่ไว้หน้า ทั้งเกมที่ เกาหลีใต้ เอาชนะ ลาว 8-0, คูเวต ชนะ เมียนมา 9-0, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ชนะ มาเลเซีย 10-0, ซาอุดิอาระเบีย ชนะ ติมอร์ฯ 7-0, กาตาร์ ชนะ ภูฏาน 15-0, อิหร่าน ชนะ กวม 6-0, ญี่ปุ่น ชนะ อัฟกานิสถาน 6-0 และ ออสเตรเลีย ชนะ บังกลาเทศ 5-0

2.“ตี๋ใหญ่” ปะทะ “ตี๋เล็ก”

เกมไฮไลท์ที่ถูกพูดถึงและจับตามองในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชียและฟุตบอลเอเชี่ยน คัพ 2019 รอบคัดเลือกสัปดาห์ที่ผ่านมาก็คือการเผชิญหน้ากันระหว่าง จีน กับ ฮ่องกง

อย่างที่ทราบกันว่า ฮ่องกง นั้นเป็นเขตปกครองพิเศษของ จีน ซึ่งก่อนหน้านี้ในรอบขวบปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับฮ่องกงนั้นไม่ค่อยสู้ดีนัก เมื่อมีการประท้วงทางการจีนของชาวฮ่องกงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง

นั่นจึงทำให้เกมที่ จีน เปิดบ้านต้อนรับ ฮ่องกง ถูกจับตามองเป็นอย่างยิ่งว่าจะต้องเป็นเกมที่ห้ำหั่นกันดุเดือดอย่างแน่นอน ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ โดยแม้ ฮ่องกง อาจจะดูเป็นรองทั้งจากอันดับโลกฟีฟ่าและมาตรฐานโดยรวม ทว่าทีม “ตี๋เล็ก” ที่มีผู้เล่นโอนสัญชาติในทีมหลายคนก็สู้อย่างเต็มที่แบบไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ก่อนที่สุดท้ายจะสามารถบุกมายันเสมอกับ จีน ถึงแผ่นดินใหญ่ไปได้ 0-0

3.“บิ๊กโฟร์” กับผลงานอันสมบูรณ์แบบ

ผลงานของทีม “บิ๊กโฟร์” ทวีปเอเชียอย่าง อิหร่าน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และ ออสเตรเลีย เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ถูกพูดถึงอย่างมากในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชียและฟุตบอลเอเชี่ยน คัพ 2019 รอบคัดเลือก สัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อทั้ง 4 ทีมยังคงรักษามาตรฐานและแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของตัวเองด้วยผลงานที่สมบูรณ์แบบเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อทีม “บิ๊กโฟร์” ของทวีปเอเชียสามารถเก็บชัยชนะได้ในทั้ง 2 เกมที่มีโปรแกรมแข่งขัน คว้า 6 คะแนนเต็มแบบยิงประตูถล่มทลาย และเก็บคลีนชีทไม่เสียประตูให้กับคู่ต่อสู้เลยแม้แต่ประตูเดียว โดย อิหร่านเปิดบ้านเอาชนะ กวม 6-0 ก่อนบุกเอาชนะ อินเดีย 3-0

ส่วน เกาหลีใต้ นั้นเปิดบ้าน ถล่มเอาชนะลาว 8-0 ก่อน บุกเอาชนะ เลบานอน 3-0 ด้าน ญี่ปุ่น ก็เปิดบ้านเอาชนะ กัมพูชา ได้ 3-0 ก่อนบุกถล่ม อัฟกานิสถาน 6-0 และ ออสเตรเลีย เปิดบ้านเอาชนะ บังกลาเทศ 5-0 ก่อนบุกเอาชนะ ทาจิกิสถาน 3-0

4.ความวุ่นวายในเกม มาเลเซีย กับ ซาอุดิอาระเบีย

อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย และฟุตบอลเอเชี่ยน คัพ 2019 รอบคัดเลือก สัปดาห์ที่ผ่านมา จนเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลกก็คือเหตุการณ์ความวุ่นวายระหว่างเกมที่ มาเลเซีย เปิดบ้านพบกับ ซาอุดิอาระเบีย

ก่อนหน้านี้ มาเลเซีย ต้องเผชิญกับผลงานที่ย่ำแย่มาหลายนัด โดยเฉพาะนัดที่พ่ายแพ้ให้กับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไป 10-0 จนทำให้เกิดความไม่พอใจในกลุ่มแฟนบอลทีม “เสือเหลือง” กระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งหัวหน้ากุนซือจาก ดลเลาะห์ ซัลเลห์ มาเป็น ออง คิม สวี ในเกมที่พบกับ ซาอุดิอาระเบีย

ซึ่งแฟนบอล “เสือเหลือง” ต่างหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทีมจะทำผลงานได้ดีขึ้นในเกมที่พบกับทีม “เศรษฐีน้ำมัน” และดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างที่แฟนบอล “เสือเหลือง” คาดหวัง เมื่อ มาเลเซีย เล่นได้ดีและสามารถทำประตูออกนำ ซาอุดิอาระเบียไปได้ก่อน 1-0 จากฝีเท้าของ ซาฟิค ราฮิม ในนาทีที่ 70

แต่แล้วเหตุการณ์ก็กลับตาลปัตรเมื่อ ซาอุดิอาระเบีย สามารถทำประตูตามตีเสมอและพลิกกลับขึ้นนำได้ในอีกเพียงแค่ 6 นาทีต่อมาเท่านั้น จนทำให้แฟนบอล “เสือเหลือง” ไม่พอใจ จุดพลุพร้อมกับขว้างปาลงไปในสนามจนผู้เล่นทั้ง 2 ทีมไม่กล้าลงสนามเล่นต่อ กระทั่งแมทช์ดังกล่าวต้องถูกยกเลิกการแข่งขันไปก่อนหมดเวลาเพียงไม่กี่นาที

5.การกลับมาของทีม “ช้างศึก”

ดราม่าประจำศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย และฟุตบอลเอเชี่ยน คัพ 2019 รอบคัดเลือก สัปดาห์ที่ผ่านมาต้องยกให้กับขุนพล “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ที่สามารถโกงความตายกลับมาตามตีเสมอทีมแกร่งอย่าง อิรัก ได้ 2-2

โดยทีม “ช้างศึก” เจ้าบ้าน ออกสตาร์ทได้ไม่ค่อยดีและต้องตกเป็นฝ่ายตามหลังอาคันตุกะผู้มาเยือนถึง 2-0 ในขณะที่เหลือเวลาอีกเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น รวมทั้งแทบไม่มีวี่แววว่าจะสามารถกลับมาสู่เกมได้เลย แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อทีม “ช้างศึก” สามารถทำ 2 ประตูได้ในช่วง 10 นาทีสุดท้าย ตามตีเสมอ อิรัก ได้สำเร็จ ชนิดสะใจกองเชียร์ชาวไทยทั้งที่อยู่ในสนามและที่ชมผ่านหน้าจอโทรทัศน์ทั่วประเทศ