หลุยส์ "แตกหัก" ฟาน กัล!

"คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ" สะท้อนสัจธรรมบนโลกใบนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าจะ "ดีเลิศประเสริฐศรี" แค่ไหน ก็ยังมีคนที่พร้อมจะมองไปในทิศทางตรงข้ามอยู่ดี

ไม่ต่างจาก "หลุยส์ ฟาน กัล" หนึ่งในยอดโค้ชลูกหนังโลกที่พิสูจน์ให้เห็นกับการคุมทุกทีมในชีวิต คว้าแชมป์มาหมดแล้ว แต่ด้วยแนวทางการทำทีม หรือที่เจ้าตัวเรียกอย่างสวยหรูว่า "ปรัชญา" ซึ่งพร้อมจะ "แตกหัก" มากกว่า "ยอมงอ" ทำให้กุนซือชาวดัตช์เต็มไปด้วยศัตรูรายทางอย่างที่เห็น

กีย์ ธีส (รอยัล อันต์เวิร์ป)

เรียกได้ว่า "ห้าว" ตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะด้วยการปีนเกลียวตำนานกุนซือเบลเยียมอย่าง "กีย์ ธีส" ผู้ล่วงลับที่รอยัล อันต์เวิร์ป ซึ่งฟาน กัล เคยบอกว่า "ผมไม่เคยให้ราคาธีสในฐานะโค้ชเลย อาจเป็นเพราะว่าเขาดร็อปผมมากเกินไป"

ฮริสโต้ สตอยคอฟ (บาร์เซโลน่า)

กิตติศัพท์ความเอาตัวเองเป็น "ศูนย์กลางจักรวาล" เริ่มมาแดงแจ๋เอาที่บาร์เซโลน่า กับการพักตำนานถิ่นคัมป์นูอย่าง "สตอยคอฟ" ที่กลับมาเล่นให้ทีมเป็นสมัยที่ 2 บ่อยครั้ง ก่อนฝ่ายหลังจะได้ทีจวกใส่ฟาน กัล ไม่ยั้งในเวลานี้ว่า "เขาไม่ได้เก่งกาจอะไรเลย แถมยังเป็นคนที่ทำลายบาร์ซ่าอีกด้วย และกำลังจะทำอย่างนั้นกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่วนสิ่งที่เขาปฏิบัติกับบิคตอร์ บัลเดส แสดงให้เห็นว่านิสัยแย่ขนาดไหน"

ริวัลโด้ (บาร์เซโลน่า)

ไม่ต่างจากสตอยคอฟ แต่ "ริวัลโด้" หนักกว่าตรงที่ต้องทนกับฟาน กัล ในการคุม "บาร์ซ่า" ถึง 2 ยุค ก่อนจะโดนปล่อยออกจากทีม "ผมไม่ชอบฟาน กัล และเขาก็ไม่ชอบ" อดีตดาวดังทีมชาติบราซิลบอกสั้นๆ แต่ได้ใจความเหลือเกิน

มาร์ก ฟาน บอมเมล (บาเยิร์น มิวนิก)

แม้แต่คนบ้านเดียวกันก็ยังไม่เว้น ว่าแล้ว "ฟาน บอมเมล" ก็ทนอยู่กับฟาน กัล ได้แค่ฤดูกาลเดียว ก่อนย้ายไปเอซี มิลาน กลางฤดูกาลถัดมา "ผมมีปัญหากับเขานิดหน่อยในช่วงปลายปี 2010 บางทีผมน่าจะปล่อยวางในตอนนั้น แต่สุดท้ายก็ไม่ ก็เพราะผมเป็นคนแบบนี้ และฟาน กัล เองก็เช่นกัน"

ลูก้า โทนี่ (บาเยิร์น มิวนิก)

ต่อให้เป็นถึงดาวซัลโวบาเยิร์นถึง 2 ฤดูกาลซ้อน แต่เมื่อฟาน กัล มาถึง และมองว่า "ไม่ใช่" "โทนี่" จำต้องก้นด้านที่ซุ้มม้านั่งสำรอง "สิ่งที่ฟาน กัล ปฏิบัติกับนักเตะตัวหลักของทีม คือสิ่งที่คนปกติเขาไม่ทำกัน" โทนี่ร่ายก่อนย้ายไปโรม่าทันควัน

โรนัลด์ คูมัน (อายแอ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม)

เหตุเกิดจากตอน "คูมัน" คุมอายแอ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และฟาน กัล กลับไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการฟุตบอล ก่อนลงเอยด้วยความบาดหมางกันหลังฝ่ายแรกอ้างว่าโดนอีกคนก้าวก่ายงาน "ในอังกฤษมีธรรมเนียมที่ 2 กุนซือต้องนั่งจิบไวน์หลังเกม แต่หลุยส์พลาดโอกาสนั้นไป 2 ครั้ง" คูมันที่เข้ามาเป็นนายใหญ่เซาแธมป์ตันเมื่อฤดูกาลก่อนหลอกด่าอย่างมีชั้นเชิง

บิคตอร์ บัลเดส, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่, ราฟาเอล, อังเคล ดิ มาเรีย และฮาเวียร์ "ชิชาริโต้" เอร์นานเดซ! (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

เริ่มที่ "บัลเดส" เซ็นสัญญากับ "ปีศาจแดง" ในเดือนมกราคม แต่กลับได้ลงเฝ้าเสาแค่ 2 นัดในฤดูกาลที่ผ่านมา "เขาไม่ทำตามปรัชญาของผม มันจึงไม่มีที่ว่างให้กับคนแบบนี้" ฟาน กัล แจงเหตุผลที่ไม่เอาบัลเดส

ถึงจะเป็นคนตั้ง "ฟาน เพอร์ซี่" เป็นกัปตันทีมชาติเนเธอร์แลนด์มากับมือ แต่ทันทีที่ไม่ลงรอยกันในถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ด ฟาน กัล ก็ไม่รอช้าที่จะแช่แข็ง "อาร์วีพี" และบีบให้ย้ายไปเฟเนร์บาห์เช่ในที่สุด "ผมประทับใจในการย้ายทีมครั้งนี้ของเอ๊ด วู้ดเวิร์ด (ประธานบริหารสโมสร) อย่างมาก เขาเป็นคนที่มีระดับในเรื่องนี้ และเป็นสุภาพบุรุษตัวจริง" อดีตดาวยิงอาร์เซน่อลกล่าวทิ้งท้ายโดยไม่เอ่ยถึงฟาน กัล สักแอะ

ส่วน "ราฟาเอล" ที่ถูกขายให้โอลิมปิก ลียง ก็ข้องใจไม่แพ้กัน "ผมรู้มาว่าฟาน กัล ไม่ชอบผม แต่ถ้าแค่เพราะผมเป็นบราซิล ซึ่งเคยมีข่าวลือว่าเขาไม่ชอบคนบราซิล ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน"

ขณะที่ "ดิ มาเรีย" ไม่รู้ว่า "ตามน้ำ" ตามคนอื่น ทั้งที่อยากย้ายไปปารีส แซงต์แชร์แมง จนตัวสั่นเองหรือเปล่า แต่ก็พูดได้น่าคิดว่า "ฟาน กัล มีปรัชญาของตัวเอง และนั่นคือหนึ่งในเหตุผลที่ผมอยากย้ายออกมา"

ปิดท้ายด้วย "ชิชาริโต้" ที่อุตส่าห์ได้ชื่อว่าเป็น "ตัวสำรอง" อดทนในยุคเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่กล่าวลาทีมไปเลเวอร์คูเซ่นไม่ต่างจากฟาน เพอร์ซี่ "ผมอยากขอบคุณเซอร์อเล็กซ์ และจิม ลอว์เลอร์ สต๊าฟโค้ช รวมทั้งเพื่อนนักเตะทุกคนที่ผมเคยเล่นมา"

แน่นอนว่า...ไม่มีคำว่า "หลุยส์ ฟาน กัล" หลุดออกมาจากปากแม้แต่คำเดียว!