วิจิตรยันยังคงบิ๊กส.ผู้ตัดสินอาชีพอยู่

"ดาโต๊ะ" ดร.วิจิตร เกตุแก้ว นายกสมาคมผู้ตัดสินฟุตบอลอาชีพ เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการบริหารสมาคมผู้ตัดสินฟุตบอลอาชีพ ครั้งที่ 2/2553 ที่ห้องประชุม 211 ภายในสนามราชมังคลากีฬาสถาน กกท.

ด้าน "ดาโต๊ะ" ดร.วิจิตร เกตุแก้ว เปิดเผยว่า "สำหรับกรณีที่มีข่าวว่า ทาง วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ให้ อ.ชูชัย บัวบูชา ประธานผู้ตัดสินของสมาคมฟุตบอลฯ มานั่งเก้าอี้แทนตำแหน่งของผมนั้น ข่าวที่ออกมาเป็นเพียงการพูดคุยส่วนตัวระหว่างผมกับนายกสมาคมฟุตบอลฯ และผมก็ยังไม่ได้ประกาศ หรือทำหนังสือขอลาออกแต่อย่างใด และที่ผมคุยกับ "บังยี" นั้น ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ดังนั้นผมจึงขอบอกตรงนี้เลยว่า ยังคงทำหน้าที่ในตำแหน่งนายก สมาคมผู้ตัดสินฯ เหมือนเดิม ส่วนจะแต่งตั้งใครมาแทนนั้น ยังไม่ทราบข่าวแต่อย่างใด"

"สำหรับความสัมพันธ์ของผมกับทางนายกสมาคมฯ นั้น ยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง แม้ในช่วงนี้จะพูดคุยกันน้อยลงก็เป็นเพราะทาง "บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ อยู่ต่างประเทศบ่อย แต่เมื่อใดที่อยู่เมืองไทย ก็ยังพูดคุยปรึกษาหารือกัน เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง"

ด้าน นายเดชา เศวตศิโรรัตน์ อุปนายกสมาคมผู้ตัดสินฟุตบอลอาชีพ กล่าวว่า "ในเรื่องการแต่งตั้ง หรือโยกย้ายคณะกรรมการของสมาคมผู้ตัดสินฟุตบอลอาชีพนั้น ต้องเป็นการกระทำโดยสมาคมผู้ตัดสินเอง ไม่เกี่ยวข้องกับสมาคมฟุตบอลฯ เพราะเป็นคนละส่วนกัน ทั้ง 2 สมาคมทำงานร่วมกันก็จริง แต่ก็เป็นนิติบุคคลดังนั้น หากจะมีการลาออกของบุคคลใดก็ตามใน สมาคมผู้ตัดสิน จะต้องมีการทำหนังสือแจ้งต่อคณะกรรมการ และถ้าในส่วนของนายกสมาคมฯ ก็จะต้องมีการประชุมหารือ เพื่อเลือกตั้งนายกสมาคมฯ คนใหม่ โดยคณะกรรมการของสมาคมฯ เองไม่เกี่ยวกับสมาคมฟุตบอลฯ ในส่วนของการทำงานเรื่องนโยบายนั้น สมาคมผู้ตัดสินก็ยังคงทำงานภายใต้ สมาคมฟุตบอล และการกีฬาแห่งประเทศไทย แต่ในส่วนของการจัดการภายในนั้นก็เป็นเรื่องขององค์กรนั้นๆ ไป"

ส่วน "เปาอั๋น" นายภิรมย์ อั๋นประเสริฐ อุปนายกสมาคมผู้ตัดสินฟุตบอลอาชีพ ในฐานะประธานควบคุมผู้ตัดสินของสมาคมกล่าวว่า "ที่ผ่านมาผมและสมาคมฯ ก็ได้พยายามที่จะพัฒนาผู้ตัดสินของสมาคมให้มีความเป็นมืออาชีพอยู่ตลอดเวลา ที่ผ่านมาก็มีการอบรมร่วมกับฟีฟ่ามาโดยตลอด ในเรื่องนี้ก็คงต้องใช้เวลาสักระยะ ทางสมาคมเองก็รีบดำเนินการ และก็ต้องอาศัยการสนับสนุนจากหลายๆ ฝ่าย ผมจะพยายามพัฒนาผู้ตัดสินให้ดีที่สุด เพื่อให้ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ และก้าวทันผู้ตัดสินระดับโลกในขณะนี้ ซึ่งผมอยากจะเห็นผู้ตัดสินฟุตบอลชาวไทยไปทำหน้าที่ในฟุตบอลโลกให้ได้อีก ครั้งเหมือนกับที่ผมได้เคยมีโอกาสมาแล้ว นอกจากนี้ทางสมาคมผู้ตัดสินยังมีโครงการที่จะสร้างผู้ตัดสินหน้าใหม่เข้ามา เพิ่มเติม โดยจะมีการอบรมพัฒนาศักยภาพผู้ตัดสินทั่วทั้งประเทศไทยยังสถานที่ 5 จังหวัดด้วยกัน ได้แก่ จ.สุโขทัย, จ.มหาสารคาม, จ.ระยอง, จ.สุพรรณบุรี และ จ.สงขลา โดยในเรื่องนี้ก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี จากการกีฬาแห่งประเทศไทย"