สกู๊ปหลังบิ๊กแมตช์ : เมื่อปืนใหญ่ "ปลุกผี" ให้ตื่นจากภวังค์?!

สกู๊ปหลังบิ๊กแมตช์ : เมื่อปืนใหญ่ "ปลุกผี" ให้ตื่นจากภวังค์?!

สกู๊ปหลังบิ๊กแมตช์ : เมื่อปืนใหญ่ "ปลุกผี" ให้ตื่นจากภวังค์?!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผมเชื่อว่า ตัวเองน่าจะ “เริ่มต้น” คอมเมนต์แมตช์ อาร์เซนอล - แมนฯ ยูไนเต็ด คล้ายๆกับหลายคนนะครับว่า “หากไม่มีกระแส เบรนแดน ร็อดเจอร์ส โดนไล่ออก แมตช์นี้น่าจะมีประเด็นให้พูดถึงมากกว่าที่เป็นอยู่อย่างมาก!”

เช่นกัน กระแสบทสัมภาษณ์ของ โจเซ่ มูรินโญ่ หลังเกมแพ้นัดที่ 6 ในฤดูกาลให้เซาแธมป์ตัน 1-3 ก็ถูกกลบไปด้วยเช่นกัน ณ เวลาที่ “ชาวหงส์” กำลังแอบลุ้นอยู่ว่า เจอร์เกน คลอปป์ หรือ คาร์โล อันเชลอตติ จะเข้ามาคุมบังเหียนเป็นกุนซือหงส์แดง ลิเวอร์พูล คนใหม่

ตัดกลับมาที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ครับ ผมเองได้เขียนไว้ก่อนเกมใน กีฬาพาคุย” ฉบับขายวันอาทิตย์ว่า :

เกมนี้จะเป็น “จุดเปลี่ยน” สำคัญของแมนฯ ยูฯ เพราะผมยังไม่เชื่อมั่นในเกมรับชุดนี้ โดยเฉพาะหาก ดาวิด เด เกอา เกิดช่วย “ซูเปอร์เซฟ” ไม่ได้มากพอ

อาร์เซนอล กับเกมรุกที่เฉียบคมและรวดเร็ว น่าจะเป็นบททดสอบที่ดีที่สุด และเมื่อได้เล่นในเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ประกอบกับหากไม่ “เพลี้ยงพล้ำ” เองง่ายๆ ภายใต้ ปีเตอร์ เช็ก เฝ้าเสา

ผมมีความรู้สึกส่วนตัวว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะมีสิทธิ์แพ้ และแซงกลับจ่าฝูงไม่ได้หลังวันเสาร์ แมนฯ ซิตี้ ถล่มยับนิวคาสเซิล 6-1 ไปแล้ว

ซึ่งนั่นน่าจะเป็น “มาตรฐาน” ของทีมปีศาจแดงในความรู้สึกของผมที่ส่วนตัว “ยินดี” จะเข้าใจผิดนะครับ...”

ดังนั้นเมื่อเกมจบตั้งแต่ 20 นาทีแรกที่ทีมปืนใหญ่ ยิงสลุต 3 ประตูนาทีที่ 6, 7 และ 19 ชนิดแสดงแสนยานุภาพเต็มขั้นโดยเฉพาะ “สปีด” ความรวดเร็วในการจู่โจม

หลุยส์ ฟาน ฮัล จึงมี “งานใหญ่” ชัดเจนรออยู่เบื้องหน้าอย่างน้อย 3 ประการ เพราะบางครั้งสิ่งที่เห็น (จ่าฝูง ก่อนหน้านี้) อาจไม่ใช่สิ่งที่เป็นอยู่จริง

ไม่มากก็น้อย เกมรับโดยเฉพาะ เซนเตอร์ฮาล์ฟคู่กลาง และมิดฟิลด์ตัวกลาง ยังไงก็มีเครื่องหมายคำถาม และอาร์เซนอล ดูเหมือนจะ “ยัดเยียด” คำตอบให้แล้วด้วยครับ

ข้อแรก : เหนือสิ่งอื่นใด และมากกว่า เดลีย์ บลินด์ จะยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟได้หรือไม่? คือ มิดฟิลด์คู่กลาง ไมเคิล คาร์ริค และบาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ที่ไม่ควรเล่นคู่กัน เพราะช้า และสไตล์คล้ายกัน

อีกทั้งยังไม่มีความ “แข็งแกร่ง” ดุดันเพียงพอจะ “ซัพพอร์ต” คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ ที่ไม่แข็งแรงอย่าง คริส สมอลลิ่ง และบลินด์ในลักษณะเป็น “โล่ห์เกราะ” กำบัง

ดังนั้น แม้จะเล่น 4-2-3-1 หรือมีตัวรับถึง 6 คนก็ยัง “ลำบาก” ในการรับมือ “ม้าศึก” อย่าง อเล็กซิส ซานเชส, ธีโอ วัลคอตต์, ซานติ กาซอร์ล่า โดยมีฟูลแบ็คจอมลุย นาโช่ มอนรีล และเฮคเตอร์ เบลาริน ไม่นับ เมซุต โอซิล เข้าฟอร์มอีกคน

ข้อสอง : ผมได้ตั้งคำถามไปแล้วเกี่ยวกับ “รูปแบบ” การเล่น และยืนตำแหน่งของ เวย์น รูนีย์ ที่ลงมาล้วงลูกต่ำไป ส่วนเมมฟิส เดอปาย ก็โดน “จับทาง” ได้ไม่ยากทางฝั่งซ้าย

เกมรุกรวมๆ จึงเหลือเพียง ฮวน มาตา และอองโตนี่ มักซิญัล ที่ดูทำได้เนียน และเล่นได้กลมกลืนภายใต้แท็คติกต่อบอลช้าๆของ ฟาน ฮัล ที่หากคู่ต่อสู้เตรียมแก้เกมมาดีๆจะ “รับมือ” ได้ไม่ยากนัก เช่น สวอนซี และพีเอสวี


เรียกได้ว่า หากที่ผ่านมาไม่ได้ มักซิญัล มาถูกที่ถูกเวลาพอดี และดาวิด เด เกอา ช่วยเซฟแต้มไว้ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยระบบ และวิธีการล้วนๆของ ฟาน ฮัล จะไม่ทำให้พวกเค้ามีวันนี้ที่ชนะใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปแล้ว 1 นัด และรั้งอันดับ 3 ในตารางลีกได้เลย

สำหรับเกมนี้ “โพสิทีฟ” ก็มีที่ครึ่งหลัง เพราะทีมปีศาจแดง กลับเข้าสู่โหมดการเล่นตัวเองได้ดีขึ้น หลังเปลี่ยนเอา มารูยาน เฟลไลนี และอันโตนิโอ บาเลนเซีย ลงมา

แต่ “ทีเด็ด” ชนิดพลิกเกมยังไม่เกิดขึ้น แม้จะต้องชมเชย ปีเตอร์ เช็ก ที่ออกฟอร์มจนลืมความผิดพลาดของ ดาวิด ออสปิน่า ไปเลย โดยเฉพาะ “ช็อต” หยุดลูกพลิกตัวยิงของ มักซิญัล


ข้อสาม : ข้อสุดท้าย ณ ตอนนี้ คือ สปีด ไม่ว่าจะเรียกว่า รึทึ่ม หรือเทมโป้ ในการเล่นของทีมปีศาจแดง “ช้าไป” และมี “สปีดเดียว” หรือคล้ายๆกับมีเกียร์เดียว แม้พยายามเร่งแล้ว แต่หากเทียบกับ “สปีด” ช่วงต้นเกมของอาร์เซนอล มัน คือ “ฟ้า” กับ “เหว”

ข้อนี้น่าสนใจมาก เพราะกับฟุตบอลสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเล่น Counter Attack แบบที่ผมเขียนไปเมื่อวาน หรือเล่นครองบอล ต่อบอล เป็น passing football เรื่อง “ความเร็ว” ในการเล่นคือสิ่งสำคัญมาก

สุดท้าย ผมได้แต่หวังว่า การแพ้ (เช่น กับอาร์เซนอล) บางครั้งก็ดี เพราะจะเป็นเหมือน “การปลุก” ให้ตื่นจากภวังค์ซึ่งที่ผ่านมาผมมองว่า ผลงานทีมปีศาจแดง “ดีเกิน” ความเป็นจริง

ทีนี้ก็ได้แต่หวังว่า หลุยส์ ฟาน ฮัล จะตื่น และหาทางออกให้กับทีมได้ด้วยเช่นกัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook