"นิสิตฝึกสอน" อีกหนึ่งมุมนอกสนามของชายที่ชื่อว่า "ธีรเทพ วิโนทัย"

หลายคนจดจำภาพของ “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย บนคราบนักเตะทีมชาติไทย และสโมสรเพื่อนตำรวจ พร้อมกับฐานะชายหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เพียงพอให้เกิดความหมั่นไส้ได้ไม่ยากนัก

ส่วนมุมนอกสนาม เขาคือนักศึกษาชั้นปีที่ 5 คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมกับตำแหน่ง “อาจารย์นิสิตฝึกสอน” เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเบิกทางสู่ใบปริญญาบัตร

วิถีชีวิตของ “ลีซอ” ต้องปรับมาตื่นนอนตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่อเตรียมตัวไปสอนที่โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย (ฝ่ายประถม) เป็นการมอบความรู้ และถ่ายทอดประสบการณ์ ให้กับเยาวชนของชาติ ที่รอวันเติบโตในวันข้างหน้า

“มันเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนปีสุดท้ายของคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (เรียน 4 ปี และฝึกสอนอีก 1 ปี) ตอนนี้ผมเรียนมา 8 ปีแล้ว (หัวเราะ) จึงอยากทำทุกอย่างออกมาให้ดีที่สุด ชีวิตประจำวันมีการเปลี่ยนแปลงไป ผมตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่อไปสอนให้ทันในเวลา 8 โมง ผมเป็นคนจัดแผนการเรียนการสอนเองทั้งหมด โดยจะแบ่งเป็นสองส่วน ขั้นตอนแรกคือกิจกรรมเข้าจังหวะ และขั้นตอนที่สองคือการเรียนฟุตบอล ทั้งในส่วนของทฤษฎี และปฏิบัติ”

จากการเข้าปะทะกับคู่แข่งบนสนามหญ้า สู่การรับมือเด็กนักเรียน ถือเป็นสิ่งที่ต้องใช้การปรับตัวพอสมควร ซึ่งตัว “ลีซอ” ต้องพบกับความยากลำบากเหมือนกัน โดยกล่าวว่า “การสอนหนังสือเด็ก เป็นอะไรที่เหนื่อยพอสมควร เนื่องจากเด็กๆจะมีจินตนาการ และความคิดเห็นเป็นของตัวเอง เราต้องพยายามปรับให้พวกเขาเข้าสู่เนื้อหาการเรียน แต่มันถือเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่า เพราะเด็กๆมีความใสซื่อบริสุทธิ์ ต่างจากโลกภายนอกที่เราได้พบมา”

นั่นเป็นสัจธรรมหนึ่งที่ “ลีซอ” ได้ค้นพบจากโรงเรียนแห่งนี้ สถานที่ที่เขาหลีกหนีจากความวุ่นวายทางสังคม กลับมาสู่ความทรงจำวัยเด็กอีกครั้ง ไม่น่าแปลกใจว่า ช่วงเวลาที่มอบความรู้ให้กับเด็กๆ จะพบรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเสมอ และพร้อมตอบทุกความสงสัยของลูกศิษย์ตัวน้อยด้วยความเต็มใจ

“ผมสอนเด็กๆ ถึงประมาณบ่ายโมง หลังจากนั้นก็จะไปซ้อมฟุตบอลต่อชีวิตประจำวันผมมีแค่นี้”

ไม่เพียง “ลีซอ” ที่จะอิ่มเอมด้วยความสุข ผู้คนรอบข้างและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรงเรียนต่างดีใจไม่แพ้กันที่ได้นักฟุตบอลคนนี้มาเป็นคุณครูฝึกสอน โดยรองศาสตราจารย์ สุพร ชัยเดชสุริยะ ผู้อำนวยการและรองคณบดี กล่าวว่า

“ก่อนหน้านี้รู้จักลีซอ ในฐานะนักกีฬาชื่อดัง และคนที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ การเข้ามาเป็นอาจารย์นิสิตฝึกสอนในครั้งนี้ ส่งผลดีต่อนักเรียนเป็นอย่างมาก เด็กๆพากันตื่นเต้น และมีแรงบันดาลใจอยากเป็นนักกีฬา ที่โรงเรียนมีคุณครูสอนวิชาพลศึกษาหลายคน แต่ต้องยอมรับว่า พวกเขาไม่ได้เป็นนักกีฬาอาชีพ และถูกสอนมากับกีฬาหลากหลายชนิด ทำให้ลีซอ มีข้อได้เปรียบตรงที่ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน”

ส่วนอาจารย์เสาวพร บุญช่วย หัวหน้าศูนย์ประสบการณ์วิชาชีพ กล่าวว่า “ตอนแรกที่ทราบข่าวว่า ลีซอ จะมาเป็นคุณครูฝึกสอนที่นี่ รู้สึกหวั่นใจว่าเขาจะมีเวลาเพียงพอในการสอนหรือไม่ เนื่องจากการเป็นนักกีฬาอาชีพ ต้องฝึกซ้อมเกือบทุกวัน สุดท้ายเลยมาช่วยกันหาทางออก เขาเป็นคนที่สอนเกี่ยวกับเทคนิค, กติกา ได้อย่างลงลึก และชัดเจน ส่งผลดีต่อการเรียนรู้ของเด็กๆ อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญคือ ลีซอไม่เคยทิ้งชั่วโมงการสอนของตัวเองเลย”

ขณะที่อาจารย์ภารดี ศรีลัด อาจารย์นิเทศ กล่าวว่า “เป็นอีกหนึ่งคนที่หวั่นใจ เพราะลีซอ เป็นนักกีฬาทีมชาติไทย จึงเป็นห่วงเรื่องการสื่อสารกับเด็กๆ อย่างไรก็ตาม ลีซอเป็นคนที่สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว และมีพัฒนาการด้านการสอนอย่างดีเยี่ยม เขาเป็นคนทีความรับผิดชอบสูง มีแบบการสอนที่ดี และนำลูกเล่นใหม่ๆ มามอบให้กับเด็กๆ ส่วนมุมนอกเวลา เขาเป็นคนที่เข้ากับเด็ก และผู้คนรอบข้างได้ดี ความขี้เล่น และสนุกสนาน ทำให้ทุกคนเอ็นดูเขา”

ทั้งหมดนี้ คือเรื่องราวนอกสนามที่หลายคนอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับ “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย ไม่ว่าใครจะรัก หรือเกลียดเขา แต่ต้องยอมรับว่า นี่คือนักเตะที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมาย “ผมอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ” เสียงสะท้อนจะลูกศิษย์คนหนึ่ง คงช่วยยืนยันคำพูดนั้นได้เป็นอย่างดี