การเปิดใจ "บังยี" วรวีร์ มะกูดี ครั้งแรก หลังโดน ฟีฟ่า สั่งแบน
"บังยี" เปิดใจครั้งแรกแจงเหตุโดนฟีฟ่าแบน 90 วัน เผยไม่ใช่ผลพวงโหวตเจ้าภาพบอลโลก วอน กกท.ตั้งโต๊ะเปิดอกคุยกัน แบบมีเหตุมีผล ลั่นลงชิงเก้าอี้สมัย 5 แน่ เชื่อปัญหาจะคลี่คลายในทางที่ดี
"บังยี" นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ให้สัมภาษณ์พิเศษกับหนังสือพิมพ์ "มติชน" ที่ศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ หนองจอก เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ว่า กรณีที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) มีคำสั่งให้ตัวเองห้ามยุ่งเกี่ยวกับฟุตบอลทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นเวลา 90 วันนั้น
อยากจะชี้แจงว่ามาจากการที่เมื่อ 2 ปีก่อน สมาคมฟุตบอลฯ ได้แก้ไขข้อบังคับ ซึ่งที่ประชุมใหญ่มีความเห็นชอบแล้วก่อนนำไปจดทะเบียนกับกรมการปกครอง
และกรมการปกครองได้เรียกสมาคมฟุตบอลฯให้แก้ไขบางส่วนให้สอดคล้องกับข้อกฎหมายไทย ก่อนจดทะเบียนในวันที่ 14 ตุลาคม 2558
จากนั้นมีผู้ไปฟ้องร้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ และศาลตัดสินให้ตนเองและ ดร.องอาจ ก่อสินค้า ที่เป็นเลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯในขณะนั้น มีความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร
นายวรวีร์กล่าวต่อว่า จากนั้นได้มีการลงข่าวและมีผู้ส่งในเรื่องที่ศาลตัดสินนี้ไปยังฟีฟ่า จนทำให้ฟีฟ่าได้มีคำสั่งดังกล่าว เพื่อตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ ซึ่งตนได้ทำเรื่องอุทธรณ์ไปที่ศาลแล้ว ตอนนี้ถือว่าคดีนี้ยังไม่เป็นที่สิ้นสุด เพราะเป็นเพียงศาลชั้นต้น ยังมีศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาต่อไป ทำให้ตนยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ ยังไม่มีความผิดแต่อย่างใด
โดยได้ส่งข้อมูลทั้งหมดนี้ชี้แจงไปยังฟีฟ่าแล้ว และกำลังรอคำตอบจากฟีฟ่าอยู่ คิดว่าฟีฟ่าน่าจะเข้าใจ ทั้งนี้ ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีที่ตัวเองเคยเป็นบอร์ดฟีฟ่าแล้วโหวตเลือกเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 และฟุตบอลโลก 2022 แต่อย่างใด
นายวรวีร์กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ฟีฟ่ามีคำสั่งถอดสภากรรมการสมาคมฟุตบอลฯ และตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมาดูแลการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯนั้น สภากรรมการสมาคมฟุตบอลฯทุกท่านมีเกียรติมีศักดิ์ศรี ไม่ได้ทำผิดอะไร ซึ่งไม่ใช่การโละหรือการปลดแต่อย่างใด เพียงแต่หมดวาระไปเมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา
ขณะที่คณะกรรมการกลางนั้นก็มาจากการที่สมาคมฟุตบอลฯ, การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และผู้ท้าชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ ได้เสนอชื่อไป
ซึ่งฟีฟ่าได้ตั้งเข้ามาเพื่อไม่ให้เป็นสูญญากาศ แต่ก็ไม่มีการแทรกแซงการทำหน้าที่ของสมาคมฟุตบอลฯ ที่ทางสำนักงานเลขาธิการยังต้องดำเนินงานทั้งหมดต่อไป ทั้งฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก, ลีกวัน, ดิวิชั่น 2, การส่งทีมชาติไทยไปแข่งขันรายการนานาชาติต่างๆ และด้านอื่น
คณะกรรมการกลางที่ฟีฟ่าตั้งมานั้นมีอำนาจหน้าที่ตามขอบเขต แต่ไม่สามารถเข้ามาบริหารงานประจำของสมาคมฟุตบอลฯได้ ซึ่งตรงนี้ฟีฟ่าได้ระบุแบ่งแยกชัดเจน
ส่วนกรณีที่ พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ ได้ร้องเรียนไปยังฟีฟ่าในเรื่องที่ส่งหนังสือเชิญสโมสรสมาชิกเข้าร่วมประชุมแก้ไขข้อบังคับเมื่อวันที่ 17 กันยายน ไม่ถึง 30 วันนั้น ยืนยันว่าเราส่งครบตามกำหนด
แต่ปลายทางจะถึงผู้รับเมื่อใดเป็นอีกเรื่อง ซึ่งตรงนี้ฟีฟ่าได้เห็นหนังสือเชิญ และบอกว่าส่งถูกต้องแล้ว ฟีฟ่าได้รับรองข้อบังคับที่มีการแก้ไขเมื่อวันที่ 17 กันยายนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเราได้ส่งเอกสารการรับรองของฟีฟ่าไปให้ทาง กกท.และคณะกรรมการกลางแล้วด้วย" บังยีกล่าว
นายกสมาคมฟุตบอลฯ 4 สมัยซ้อน กล่าวต่อไปว่า อีกเรื่องคือการร้องเรียนกรณีที่มา 30 สโมสรโหวตจากดิวิชั่น 2 นั้น ตามบทเฉพาะกาลของข้อบังคับสมาคมฟุตบอลฯ พ.ศ.2556 ได้ระบุว่า ในปีแรกจะคัดจากอันดับ 1-5 ของแต่ละโซน ทั้ง 6 โซน แต่ก็ได้ระบุต่อว่า
จากนั้นในดิวิชั่น 2 แต่ละโซนจะต้องไปคัดเลือกตัวแทนกันมา ซึ่งสมาคมฟุตบอลฯได้ดำเนินงานทุกอย่างถูกต้องทั้งหมด และตัวแทนจากดิวิชั่น 2 ที่มาเข้าร่วมประชุมนั้นต่างเป็นประธานสโมสรเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว จึงยืนยันว่า 30 เสียงจากดิวิชั่นที่คัดเลือกนั้นมาตามกระบวนการที่ถูกต้องแล้ว
ผมอยากจะเสนอแนวทางคือให้กกท.เชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือกันต่อหน้าต่อหน้า คุยกันตามเหตุตามผล เพื่อที่จะได้ไม่ใส่ร้ายกันลับหลัง ซึ่งจะได้พูดกันตามที่มีการหาว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไรก็จะได้พูดคุยกันด้วยเหตุด้วยผลให้ชัดเจน
ใครทำผิดตรงไหนก็เอามาพูดคุยกันต่อหน้าเพื่อหาข้อสรุป หาข้อยุติ หาแนวทางแก้ไขร่วมกัน สังคมกีฬาก็พูดคุยกันแบบนี้ ไม่ใช่ไปใส่ร้ายกัน มันไม่ได้ มันไม่ใช่สปิริต ใครที่อยากจะลงแข่งขันกับผม ผมก็พร้อมเปิดโอกาสให้" นายวรวีร์กล่าว
ประมุขสมาคมฟุตบอลไทยกล่าวในตอนท้ายว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นครั้งนี้นับเป็นมรสุมครั้งหนึ่งของตัวเอง ซึ่งก็ไม่ได้หนักใจ แต่ก็มีท้อบ้างเล็กน้อย แต่สิ่งที่ตัวเองได้ทำมาคือการพัฒนาฟุตบอลลีกให้มีมูลค่าสิทธิประโยชน์สูงมาก
รวมถึงทีมชาติไทยพัฒนาก้าวไปประสบความสำเร็จ กวาดแชมป์อาเซียนได้ทุกชุด และผ่านเข้าไปสู่รอบสุดท้ายของเอเชียได้ รวมถึงทีมชุดใหญ่มีโอกาสใกล้เคียงที่ผ่านเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายของเอเชียในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกแล้ว
ครั้งนี้เป็นการสะดุดครั้งหนึ่งของวงการฟุตบอลไทย และตัวเองไม่อยากให้กระบวนการพังไปทั้งระบบ เพราะจะมีผลกระทบ มีความเสียหายมหาศาลมาก แต่ถึงจุดนี้ยังเชื่อว่าไม่ถึงขั้นที่ฟีฟ่าจะแบนทีมชาติไทยไม่ให้เข้าร่วมการแข่งขันนานาชาติเหมือนคูเวต และอินโดนีเซียที่มีการเมืองเข้ามาแทรกแซงอย่างหนัก เนื่องจากทาง กกท.รับฟังแนวทางของฟีฟ่าอยู่ตลอด
ถึงตอนนี้วงการฟุตบอลไทยเดินหน้ามาถูกทางแล้ว ทั้งฟุตบอลลีกและทีมชาติต่างก็พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผมก็ได้สร้างการพัฒนาให้เป็นที่ประจักษ์ หลังจากนี้หากขั้นตอนทุกอย่างดำเนินการไป
ผมก็พร้อมลงสมัครนายกสมาคมฟุตบอลฯต่อไป และก็พร้อมรับใช้สโมสรสมาชิกทั้งหมดต่อไป
เพราะถือว่าเป็นการทำเพื่อส่วนรวม เพื่อการก้าวหน้าของวงการฟุตบอลไทย ผมอยากให้คนกลางอย่าง กกท.เรียกทุกฝ่ายมาคุยกันเพื่อหาข้อยุติ ใครมีเหตุมีผล มีข้อมูลอะไรก็นำมาพูดคุยกัน ซึ่งคิดว่าเรื่องนี้จะจบลงได้ด้วยดี และคงจะหนีกรอบของข้อบังคับต่างๆ และหนีกรอบของกฎหมายไทยไปไม่ได้
สุดท้ายก็คงต้องจบลงด้วยเหตุด้วยผล ตัวผมเองก็พร้อมคุยได้หมดเพื่อให้วงการฟุตบอลไทยประสบความสำเร็จสูงสุดต่อไป" นายใหญ่ลูกหนังไทยกล่าวทิ้งท้าย