สกู๊ป "DNA นักเตะต่างชาติ" สูตรความสำเร็จของ "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

สกู๊ป "DNA นักเตะต่างชาติ" สูตรความสำเร็จของ "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

สกู๊ป "DNA นักเตะต่างชาติ" สูตรความสำเร็จของ "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เรียบร้อยโรงเรียนเซราะกราวสำหรับถ้วยแรกของฤดูกาลอย่าง “โตโยต้า ลีก คัพ” หลังจากที่เมื่อวานนี้เอาชนะขุนพลกูปรีมหาภัยอย่าง “ศรีสะเกษ เอฟซี” 1-0

ซึ่งทำให้ยอดทีมจากถิ่นอีสานได้จะได้สิทธิไปเล่นฟุตบอลถ้วยระดับภูมิภาคอย่าง “โตโยต้า แม่โขง คัพ” และฟุตบอลถ้วยนัดพิเศษกับทีมจากญี่ปุ่น “โตโยต้า พรีเมียร์ คัพ”

ถือว่าไม่น่าแปลกใจ เพราะถ้าได้ดูเกมการแข่งขันของทีม ไม่ว่าจะนัดไหนก็ตามในลีกหรือเจอทีมจากเมืองไทยด้วยกัน

จะเห็นว่าเด็กของนายใหญ่ “เนวิน ชิดชอบ” เหนือกว่าเค้าหมด จนมีคำพูดเล่นๆ ว่า “จริงๆ บุรีรัมย์ไม่ใช่ทีมระดับลีกสูงสุดของเมืองไทย แต่เหนือกว่านั้นไปแล้ว”


แน่นอนว่าสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนว่าขุนพลเซราะกราวต่างจากทีมอื่นคือ “นักเตะต่างชาติ” ซึ่งตั้งแต่นายใหญ่อย่าง คุณเนวิน เข้ามาลุยฟุตบอลอย่างเต็มตัวก็มีชื่อของนักเตะต่างชาติเข้ามาและก็ออกไปมากมาย

อย่างในยุคแรกเอาแค่กองหน้าตั้งแต่ “แฟรงค์ อาเชียมปง” กับ “ฟรองค์ โอแฮนด์ซ่า” ก็สร้างชื่อจนพาทีมเป็นแชมป์ในฤดูกาล 2554

พอฟอร์มดี นักเตะทั้งคู่ก็เตะตาสโมสรจากต่างประเทศซึ่งนโยบายของทีมไม่มีการรั้งนักเตะเอาไว้ถ้าเกิดมีโอกาสไปเล่นในลีกที่ใหญ่กว่า

ทำให้ทั้งคู่ต้องแยกทางกับทีมตามวิถีทางฟุตบอล โดยเฉพาะรายของ “อาเชียมปง” ที่ได้ดีจนไปอยู่กับสโมสรดังของเบลเยียมอย่าง “อันเดอร์เลชท์”


หลังจากนั้นหลายคนคงคิดว่า “บุรีรัมย์” เหนื่อยแน่กับการออกไปของสองกองหน้าผิวสี แต่กลับไม่ใช่อย่างงั้น

เพราะมาเป็นยุคของ “คาร์เมโล่ กอนซาเลซ” กับ “ฮาเวียร์ ปาติโญ่” ที่ทำให้แฟนบอลเลิกคิดถึงสองกองหน้าผิวสี เพราะทั้งคู่ช่วยกันพาทีมเป็นแชมป์ในช่วงปี 2556-2557 และกลายเป็นคู่กองหน้าที่ดีที่สุดของลีกในยุคนั้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อจบฤดูกาลที่แล้ว “ลุงเนวิน” ตัดสินใจขายและปล่อยตัว 2 กองหน้าตัวเก่งออกไป ท่ามกลางการตกตะลึงอีกครั้งของแฟนบอล

แต่เจ้าตัวก็ยืนยันว่า กองหน้าที่เข้ามาใหม่นั่นต้องดีกว่า มิเช่นนั้นคงไม่ปล่อยตัวออกไปหรอก


พอมาถึงตอนนี้สิ่งที่นายใหญ่ของทีมพูดเป็น “ความจริง” เพราะ “กิลแบร์โต้ มาเชน่า” กับ “ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต”

โดยเฉพาะรายหลังที่เชื่อว่าหลายคนก็คิดเหมือนผม เจ้ากองหน้าวัย 28 ปี ชาวบราซิล คือนักเตะแนวรุกที่เก่งที่สุดตั้งแต่ประวัติศาสตร์ฟุตบอลลีกไทยเคยมีมา

ที่สำคัญเขาได้ทำลายสถิติดาวยิงสูงสุดต่อฤดูกาลเรียบร้อยแล้ว (แซง “เฮแบร์ตี้” ของราชบุรีในฤดูกาลนี้ที่ 26 ประตู เจ้าตัวยิงไป 27 ประตู)

นอกจากตำแหน่งกองหน้าแล้วยังมีนักเตะตำแหน่งอื่นๆ ที่ทำให้คอไทยลีกต้องคิดถึง


ไม่ว่าจะเป็น “ออสมาร์ อิบาเญซ” “ดาวิด โรเชล่า” “ไค ฮิราโนะ” จนมาถึง “อันเดรส ตูนเญซ” หรือ “โกล ซุลกี” ในชุดปัจจุบัน

พอมีใคร “เก่งกว่า” ถึงแม้นักเตะต่างชาติคนปัจจุบันจะเล่นดีอยู่แล้วก็ต้องแยกทางกัน

ซึ่งอีกจุดที่ต้องชื่นชมทัพปราสาทสายฟ้าคือ แมวมองหรือเอเยนต์ที่ทำหน้าที่หาตัวต่างชาติที่ยอมรับว่าตาคมมากๆ ถึงแม้บางครั้งอาจจะได้ของปลอมทำเหมือนบ้าง

แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่พลาด มิเช่นนั้นทีมคงไม่เก่งขนาดนี้ และประสบความสำเร็จมากที่สุดหรอก


ซึ่งต้องชื่นชม “ดีเอ็นเอ” ของทีมในจุดนี้ ที่อาจจะบอกได้ว่า “บุรีรัมย์” ไม่มีนักเตะต่างชาติที่เก่งที่สุด แต่แค่ยังไม่เจอนักเตะต่างชาติที่เก่งกว่าที่มีอยู่

ตราบใดที่ “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” ยังคงมีดีเอ็นเอของนักเตะต่างชาติแบบนี้ ที่ไม่หยุดอยู่กับที่ ไม่โปรโมตซุปตาร์

แต่คัดเลือกนักเตะที่คุณภาพจริงๆ ใครเก่งกว่าก็ได้ไปต่อ ใครที่เก่งน้อยกว่าก็ต้องแยกทางไป ก็คงเป็นสโมสรฟุตบอลหมายเลข 1 ของเมืองไทยไปอีกนานเท่านานครับ

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook