สกู๊ป : จุดเปลี่ยนแวดวงฟุตบอลเมืองไทย (โดย "หมอเมา")

สกู๊ป : จุดเปลี่ยนแวดวงฟุตบอลเมืองไทย (โดย "หมอเมา")

สกู๊ป : จุดเปลี่ยนแวดวงฟุตบอลเมืองไทย (โดย "หมอเมา")
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ชั่วโมงนี้กระแสฟุตบอลไทยมาแรงแซงทางโค้ง เพราะฟุตบอลทีมชาติไทยมีผลงานดีมาก

แต่ภาพการเข้ามายุติบทบาทของ "วรวีร์ มะกูดี" นายกสมาคมฟุตบอลเมืองไทย ห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับฟุตบอลเมืองไทย ก็เป็นเรื่องที่คนฟุตบอลในเมืองไทยยิ่งไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

จนมีคำถามมากมาย ว่าทิศทางของฟุตบอลเมืองไทยจะเป็นอย่างไร?

เรื่องนี้คาดเดายากมาก เพราะฟีฟ่าที่เป็นหน่วยงานใหญ่ ควบคุมฟุตบอลทุกประเทศทั่วโลก กำลังสังคายนา คนในองค์กรที่มีเรื่องราวไม่ดี

ขนาดเจ้าพ่อวงการฟุตบอลอย่าง "เซปป์ แบล็ตเตอร์" หรือทายาทคนต่อไปอย่าง "มิเชล พลาตินี่" ยังต้องพิสูจน์ว่ามีปัญหาเกี่ยวข้องกับเรื่องมัวหมองที่ฟีฟ่าสงสัย และส่งหลักฐานเพื่อรอการพิสูจน์

ทำให้การเลือกตั้งเลขาธิการและประธานคนใหม่ของฟีฟ่า ก็ดูยากว่าจะเป็นใครที่ได้รับการยอมรับ เข้ามาดูแลองค์กรระดับโลกอย่างฟีฟ่าที่มีผลประโยชน์มากมายมหาศาล

ส่วนในเมืองไทยชั่วโมงนี้ ปัญหาก็เยอะมากเพราะนายกถูกสั่งห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับ วงการฟุตบอลเมืองไทยที่ตัวเองเป็นนายกอยู่ โดยมีระยะเวลา 90 วันเพื่อให้กรรมการกลาง 6 คนที่ฟีฟ่าแต่งตั้งขึ้น เข้ามาเคลีย์ปัญหา


โดยเฉพาะเสียงของสมาชิก 72 เสียง ที่มีสิทธิในการเลือกนายกสมาคมฟุตบอลคนใหม่

เหตุผลที่มีคณะกรรมการก็เพราะฟีฟ่าได้รับการร้องเรียนว่า สมาชิก 30 เสียงที่คัดเลือกใน AIS ลีกภูมิภาค มีการเลือกแบบไม่โปร่งใส

พอมีคณะกรรมการกลางที่เข้ามาดูแลแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ทางออกก็น่าจะชัดเจนเพราะฟีฟ่า พอได้รับรายงานการสรุปจากคณะทำงานก็น่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งตามระยะเวลาที่กำหนดและไม่ขัดกับพระราชบัญญัติทางด้านกีฬาของเมืองไทย

โจทย์ที่ทุกคนในวงการฟุตบอลเมืองไทยสงสัยว่า นายกคนเก่า คุณวรวีร์ จะมีสิทธิ์สมัครเข้ารับการเลือกตั้งใหม่ในครั้งนี้ก็จะหมดไป

เพราะฟีฟ่าจะไม่ยับยั้งหรือห้ามคนในแวดวงฟุตบอลที่มีสิทธิในการสมัคร และหลังจากคณะกรรมการกลางทำงานจบลง และกำหนดวัน ทุกอย่างก็จะมีภาพชัดเจน ว่าจะมีใครบ้างลงแข่งขันในการเลือกตั้งครั้งนี้

โดยส่วนตัว ผมอยู่ในแวดวงเมืองไทยมาตั้งแต่จำความได้ เคยมีโอกาสเข้าไปเห็นการทำงานของสภากรรมการกลายชุดหลายสมัย

เคยคิดอยากเข้าไปทำงานเพื่อสนองความต้องการของตัวเองที่อยากเห็นบอลไทยไปบอลโลก

จนได้บทสรุปว่า หมดหวัง ออกมายืนนอกวงกลมและบอกกับตัวเองว่าเจเนเรชั่นของผมคงหมดโอกาสไม่มีทางเป็นไปได้

แต่พอฟีฟ่าโชว์จุดยืนที่ชัดเจน ไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม จะเป็นใครมาจากไหน

ถ้าทำผิดฟีฟ่าก็ไม่สนใจ ทำให้ผมศรัทธาองค์กรฟีฟ่าเพิ่มมากขึ้น และเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายฟ้าว่า เมืองไทยมีความหวังถ้าเราได้คนดีดี มีความรักในเรื่องของฟุตบอล มีความรู้ในเรื่องการบริหาร จัดการ ฟุตบอลไทยไปบอลโลกมีโอกาสครับ

ในเมื่อชั่วโมงนี้ สมาคมฟุตบอลมีปัญหาอยู่พอสมควร ทางออกในความคิดผม อยากเห็นสภากรรมการชุดใหม่ เป็นชุดผสมครับ


คนที่ได้รับเลือกเป็นนายกสมาคม ต้องมีความจริงใจ อยากเห็นฟุตบอลเมืองไทยมีการพัฒนาและมีการบริหารงานที่โปร่งใส

กล้าๆ เชิญมืออาชีพในแต่ละฝ่ายเข้ามาทำงานเป็นรัฐบาลผสม นายกคนใหม่และทีมงานต้องมาจากคนทุกกลุ่มที่อยู่ในแวดวงฟุตบอลเมืองไทย มาช่วยกันบริหารงาน และตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน

ขอเวลาในการบริหารงานอาจเทอมเดียว 4 ปี หรือถ้าผลงานดีก็อาจจะทำงานต่ออีกเทอม รวมเป็น 8 ปี  

พองานเสร็จแล้วก็เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาสานต่อการทำงาน ไม่ปล่อยให้ตำแหน่งนายกสมาคมเป็นเจ้าของสัมปทาน และไม่เปิดโอกาสให้มีการรวบอำนาจของกลุ่มใด

ผมฝันว่าฟุตบอลเมืองไทยน่าจะมีอนาคตที่ดีแต่ทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นความจริง งานนี้ต้องการความร่วมมือของคนในวงการฟุตบอล

ชั่วโมงนี้วงการฟุตบอลเมืองไทยมีโอกาสอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ขอเพียงคนในแวดวงฟุตบอลเมืองไทย มีความกล้าพอและมีความจริงใจ ฟุตบอลเมืองไทยจะเป็นอย่างไร

ทุกอย่างอยู่ที่พวกเรา ว่ากล้าพอที่จะเปลี่ยนแปลงหรือจะยอมให้ทุกอย่างอยู่ในวังวนของคนไม่กี่คน ผมจะรอดูว่าคนวงการฟุตบอลจริงใจหรือจิงโจ้ครับ


เรื่องโดย "หมอเมา"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook