"เอ็นริเก้" กุนซือผู้มากวาสนา

ที่ตอนนี้เป็นหนึ่งในสองทีมที่น่าสะพรึงที่สุดในยุโรป อีกทีมคือ “บาเยิร์น มิวนิค” ของ “เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

เพราะผลงานของทีมดีอย่างต่อเนื่องกำลังรั้งตำแหน่งจ่าฝูงของ “ลา ลีกา” ด้วยการปราบ “เรอัล โซเซียดัด” 4-0 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

และก่อนหน้านี้ก็บุกถล่มคู่ปรับในเอล กลาซิโก้ อย่าง “เรอัล มาดริด” คาเบร์นาเบว ด้วยสกอร์เดียวกัน 4-0 แถมกลางสัปดาห์ก่อนก็ระเบิดถังขี้ใส่ “โรม่า” 6-1 ผ่านเข้ารอบต่อไปในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เรียบร้อยแล้ว

ทำให้ยอดทีมแห่งแคว้นคาตาลัน มีโอกาสสูงที่จะป้องกันแชมป์ของตัวเองในทุกรายการได้อีกสมัย ซึ่

งฟอร์มอันยอดเยี่ยมตอนนี้เชื่อว่าแฟนบอลรวมทั้งกูรูกีฬาทั้งหลาย แทบจะไม่มีใครยกเครดิตให้ตัว “เอ็นริเก้” ไปมากกว่าแก๊ง MSN ที่ประกอบไปด้วย “ลิโอเนล เมสซี่” “หลุยส์ ซัวเรซ” และ “เนย์มาร์” อย่างแน่นอน รวมทั้งความสำเร็จในฤดูกาลที่แล้วด้วย

ถามว่า “เอ็นริเก้” เก่งกว่า บรรดายอดกุนซือที่ไม่เคยสัมผัสความสำเร็จในยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก อย่าง “เจอร์เก้น คล็อปป์” “โรแบร์โต้ มันชินี่”

หรือแม้กระทั่ง “อาร์แซน เวนเกอร์” ไหม เชื่อว่าทุกคนคงตอบได้ว่า “ไม่” แต่กลับประสบความสำเร็จในอาชีพโค้ชฟุตบอลบางทีมากกว่าด้วยซ้ำ

แถมยิ่งถ้าไปดูประสบการณ์การคุมทีมตั้งแต่เลิกเล่นก็คุมแต่ “บาร์เซโลน่า เบ” ทีมชุดสำรองที่เล่นอยู่ในดิวิชั่น 2 ของสเปน ตั้งแต่ปี 2008-2011 แต่ไม่เคยได้แชมป์ ก่อนมาล้มเหลวกับ “โรม่า” ในฤดูกาล 2011-2012 และเมื่อฤดูกาล 2013-2014 พา “เซลต้า บีโก้” รอดตกชั้น

ด้วยความที่เป็นคนคาตาลันที่อยู่ในวิถีของโค้ชอยู่ จึงได้มานั่งเก้าอี้นายใหญ่ของอาซูลกราน่า เพราะช่วงนั้น “ติโต้ บิลาโนบา” ที่น่าจะเป็นตัวแทนของ “เป๊ป กวาร์ดิโอล้า” เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งชนิดที่ไม่มีใครคาดคิดพอดี

พอมาคุมทีมฤดูกาลแรกก็ประสบความสำเร็จด้วยการกวาด 3 แชมป์ ซึ่งเป็นจังหวะที่ทีมมียอดนักเตะอย่าง “ลิโอเนล เมสซี่” มาบวกกับ “เนย์มาร์” และได้ “หลุยส์ ซัวเรซ” อีกคน

ซึ่งทั้งสามคนถือว่าเป็นกองหน้าระดับโลกไปแล้ว พร้อมทั้งกองกลางที่ไม่เป็นสองรองใครจากสมบัติในยุคเป๊ป ไม่ว่าจะเป็น “อันเดรส อินิเอสต้า” “เซร์คิโอ บุสเก็ตส์” หรือ “ซาบี้” (ที่ย้ายทีมออกไปเมื่อจบฤดูกาลที่แล้ว)

ทั้งๆ ที่ดูเหมือนเจ้าตัวคุมนักเตะระดับสตาร์ในทีมไม่อยู่ด้วยซ้ำ แถมมีปัญหาจนเกือบจะถูกปลดเมื่อกลางฤดูกาลที่แล้ว

แต่เมื่อนักเตะกระหายความสำเร็จ แม้ว่าอาจจะไม่ถูกใจกุนซือนัก ก็ยอมเล่นเต็มที่เพื่อตัวเองและแฟนบอล โดยเฉพาะ “เนย์มาร์” กับ “ซัวเรซ” ที่ไม่เคยได้แชมเปี้ยนส์ลีกมาก่อน

มาถึงตอนนี้ยิ่งถ้าได้ดูภาพการเล่นของบาร์ซ่า ต้องบอกว่าอาจจะไม่ได้เป็นระบบเนียนตาประสิทธิภาพเหมือนยุคของ “เป๊ป” แต่สิ่งที่ไม่ได้เป็นรองเลยคือ “ความสามารถเฉพาะตัว” ของนักเตะ บางทีอาจจะเหนือกว่าด้วยซ้ำ

ซึ่งความไม่เก่งในเรื่องระบบการทำทีมของ “เอ็นริเก้” อาจจะจะเป็นสิ่งที่ทำให้นักเตะภายในทีมต้องใช้ “ความสามารถเฉพาะตัว” มากขึ้น

สุดท้าย “ประสิทธิภาพ” ของทีมยุค “เอ็นริเก้” ก็ไม่ได้ด้อยกว่าทีมของ “เป๊ป” เลย แม้ว่าความสามารถในการทำทีมของเจ้าตัวอาจจะเป็นรองเป๊ป

แต่เรื่องของ “วาสนา” เชื่อเถอะว่า “หลุยส์ เอ็นริเก้” ไม่เป็นสองรองใครครับ