สกู๊ป : "แดงเดือด" ที่เร้าใจที่สุด?!

สกู๊ป : "แดงเดือด" ที่เร้าใจที่สุด?!

สกู๊ป : "แดงเดือด" ที่เร้าใจที่สุด?!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แน่นอนนะครับว่า หลัง “มีนัด” เมื่อวานทีมชาติไทย ยู-23 ปะทะญี่ปุ่น วันนี้ก็ถึงคิวอีกนัดหมายที่ทุกคนเฝ้ารอนั่นคือ “แดงเดือด” ยก 2 ประจำซีซั่นนี้ ลิเวอร์พูล - แมนฯ ยูไนเต็ด

ครับ “บริบท” ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้ว เพราะนี่คือการเผชิญหน้ากันระหว่าง 2 สุดยอดกุนซือ เยอร์เก้น คลอปป์ และ หลุยส์ ฟาน ฮัล

นอกเหนือจากการเป็น Fixture หรือ “แมตช์” ที่แทบไม่ต้องมีคำบรรยายใต้ภาพ หรือเสียเวลาอธิบายใดๆเพิ่มเติม

หงส์ พบ ผี คือ ที่สุดแห่งที่สุดแมตช์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่จะมีเพียง 2 นัดไป/กลับจาก 380 แมตช์แห่งฤดูกาลลูกหนังผู้ดีในลีกสูงสุด

สำหรับเกมนี้ ณ เวลา 3 ทุ่ม 5 นาทีบ้านเรา “บริบท” ของแมตช์อยู่ที่ “สไตล์” การเล่นของทั้ง 2 กุนซือ/ทีมที่สามารถ “เชื่อมโยง” กับเกมล่าสุดได้

แมนฯ ยูฯ บุกนำนิวคาสเซิล 2-0 และ 3-2 ก่อนโดนตีเจ๊า 3-3 ท้ายเกมคา เซนต์ เจมส์ ปาร์ค

ลิเวอร์พูลเปิดบ้านแอนฟิลด์นำ อาร์เซนอล 1-0, 2-1 ก่อนพลาดตาม 2-3 ทว่าตามตีเสมอได้ท้ายเกม 3-3

เรียกได้ว่า ทั้งคู่มีเกมล่าสุดจบ 3-3 เหมือนกันในแมตช์ที่กล่าวได้ว่า ลิเวอร์พูล-อาร์เซนอล คือ เกมที่สนุกที่สุดในฤดูกาลนี้ของพรีเมียร์ลีก

ส่วน แมตช์แมนฯ ยูฯ บุกเยือนเสมอนิวคาสเซิล คือ เกมที่แฟนบอลปิศาจแดงได้เห็น หลุยส์ ฟาน ฮัล และเด็กๆ เล่นได้ “มันส์” เหมือนเป็นแมนฯ ยูฯ “ของจริง” ที่มีเครื่องหมายการค้าเป็นเกมรุกบุกแหลกมากที่สุด

อย่างไรก็ดี ลิเวอร์พูล ยังคงเสียประตูจากลูกคอร์เนอร์ และเกมรับ “พร้อมแกว่ง” ได้ตลอดเวลา

ส่วนแมนฯ ยูฯ ก็ไม่ต่างกัน ตรงที่เสียจากความผิดพลาดส่วนบุคคล 2 เม็ด และมีเปอร์เซนต์ “ครองบอล” น้อยที่สุดในซีซั่นนี้ แต่ยิงได้มากที่สุด หรือ 3 ประตูเทียบเท่ากับแมตช์เจอ เอฟเวอร์ตัน ต้นฤดูกาลโน่นเลย

คำถามจึงตามมาว่า ฟาน ฮัล จะเล่นเหมือนเดิมดังที่ผมเคยเขียนไปว่า เป็น minimum require หรือความต้องการน้อยสุดจากแฟนบอลที่ต้องการเห็น

ก่อนผลการแข่งขันจะตามมา...

หรือกลับไปเน้น “ครองบอล” ต่อบอลจังหวะช้าๆ และอาจเก็บ “คลีนชีต” ได้ แต่ก็ยิงไม่ค่อยได้ เสมอ 0-0 หรือชนะ 1-0 ชนิดคนดูหลับ สัปหงกเหมือนก่อนหน้านี้

เวย์น รูนี่ย์ ยังได้แสดงศักยภาพออกมาเยอะ เพราะการเป็น “หน้าเป้า” หันหลังให้คู่แข่งของเค้าได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนที่ “เรียงหน้า” วิ่งมาเติม

หัวหอกกัปตันทีมชาติอังกฤษ จึงไม่ใช่แค่ “แปะคืน” ด้านหลังเหมือนเคย แต่สามารถครองบอล และเปิดทะลุช่องไปข้างหน้าให้เพื่อนสอดแซงขึ้นมาทำเกมรุกได้

อย่างไรก็ดี 3 มิดฟิลด์ตัวรองในระบบ 4-2-3-1 จะเสียบาลานซ์ในเกมรับไป และแดนนี่ ฮิกเกนบอตแธม อดีตเซนเตอร์ฮาล์ฟ มีดีกรีจากแอสตัน วิลล่า แนะว่า ฟูลแบ็คไม่ควรเติมพร้อมกัน เป็นต้น

แต่โดยรวมแล้ว นี่คือ “นิมิตหมาย” ที่ดีจาก ฟาน ฮัล ที่โดนถล่มเยอะในแมตช์เอฟเอ คัพ ที่เฉือนเชฟฯ เว้นส์ฯ หืดจับ 1-0 ท้ายเกม

ฉะนั้น วิธีการเล่นที่จะเน้นครองบอล แต่ “ไม่เติม” หรือเน้นเป็นแมนฯ ยูฯ ของจริง ที่ตัวสนับสนุนจะได้วิ่งแซงรูนี่ย์ และเข้าเติม คือประเด็นที่ต้องจับตา

ในเวลาที่ “เกมรับ” ต้องไม่พลาดเหมือนแมตช์กับนิวคาสเซิล

 

ลิเวอร์พูลก็เช่นกันครับ ที่ถล่มอาร์เซนอลได้น่ากลัวต้นเกมชนิดน่าออกนำ 2-3 เม็ดใน 20 นาทีแรกจากปรัชญากดดัน “gegenpressing” หรือบีบสูงคู่แข่งตั้งแต่เริ่มเซ็ตบอลจากแนวรับ

วิธีการนี้จะเล่นได้กี่นาทีในแมตช์นี้? จะมีนักเตะบาดเจ็บเพิ่มหรือไม่?

เพราะหากทำได้ตามมาตรฐาน แมนฯ ยูฯน่าจะเหนื่อยในการรับมือ และน่าจะเสียประตู

ทว่าอย่างที่ได้เรียนไว้ตอนต้นครับ นายทวาร, คู่เซนเตอร์ฯ หรือมิดฟิลด์ตัวกลาง ลิเวอร์พูล ไม่แข็งแกร่งนัก และน่าจะการันตีการเสียประตูทุกนัด

ครับ ผมมองว่า คลอปป์นัดชัดเจนว่า จะมา “gegenpressing” แน่ๆ แต่แมนฯ ยูฯ และฟาน ฮัล จะกล้าแค่ไหน?

ดังนั้นมาลุ้นให้ ฟาน ฮัล คง “ความกล้า” เพื่อเราจะได้เห็นแมตช์ “แดงเดือด” ที่มันส์เร้าใจที่สุดเกมหนึ่งในประวัติศาสตร์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook