สกู๊ป : การเลือกตั้งต้อง "รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย"
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/sp/0/ud/41/205853/999.jpgสกู๊ป : การเลือกตั้งต้อง "รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย"

    สกู๊ป : การเลือกตั้งต้อง "รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย"

    2016-02-14T05:51:00+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    "รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย" เป็นวลีที่เชื่อว่าทุกคนต้องเคยได้ยินเพราะเป็นเรื่องของความมีน้ำใจนักกีฬาซึ่งคนในวงการกีฬาเองไม่ใช่เฉพาะแต่นักกีฬา

    แต่หมายถึงคนทุกคนที่รักกีฬาติดตามกีฬารวมทั้งสื่อมวลชนสายกีฬาทั้งหลายที่ไม่ใช่แค่เรื่องฟุตบอลเพียงอย่างเดียว

    ต้องยอมรับว่าในช่วงเวลาประมาณครึ่งเดือนตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้วจนถึงสัปดาห์นี้ มีถึง 2 สมาคมใหญ่ในเมืองไทยที่มีข่าวใหญ่ที่เป็นการเปลี่ยนแปลง

    โดยเป็นวาระของการเลือกตั้งนายกสมาคม นั่นก็คือคือ "ลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทย" กับ "สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย"

    เรื่องของเทนนิสถูกวิพากย์วิจารณ์ไปต่างๆนาๆเพราะไม่มีใครคาดคิดว่าแชมป์เก่าหลายสมัยอย่าง "คุณสุวัจน์ ลิปตพัลลภ" จะถูกล้มแชมป์

    แม้ว่ากระบวนการการเลือกตั้งนายกของกีฬาเทนนิสจะยังไม่เสร็จเพราะยังมีการฟ้องเรื่องของความไม่ชอบมาพากลของการเลือกตั้งและการกีฬาแห่งประเทศไทยยังไม่รับรอง

    แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ถือเป็น "เซอร์ไพรส์" ระดับวงการกีฬาบ้านเราเลยแล้วแถมหลังเกิดเรื่อง สโมสรสมาชิกของลอนเทนนิสสมาคมทั้ง 62 สโมสรเข้ามากขอขมา "คุณสุวัจน์" แล้ว

    และมีสโมสรสมาชิกบางส่วนร่วมลงชื่อให้การเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็น "โมฆะ" ส่วนต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรคงต้องรอดูบทสรุปจากการกีฬาแห่งประเทศไทยว่าจะรับรองการเลือกตั้งครั้งนี้หรือไม่

    ขณะที่เรื่องทอล์กออฟ เดอะ ทาวน์ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาคงเป็นเรื่องของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เพราะไฮไลต์สำคัญอยู่ที่การเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอล

    ซึ่งตามแผนของคณะกรรมการกลางการเลือกตั้งที่แต่งตั้งจากทางฟีฟ่าต้องให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ 15 กุมภาพันธ์

    ก่อนหน้าวันเลือกตั้งก็ต้องลุ้นว่าจะเลือกตั้งได้ไหมเนื่องจากมีหลายสโมสรหรือหลายฝ่ายไปฟ้องศาลปกครองเพื่อให้ออกคำสั่งคุ้มครองการเลือกตั้ง

    เพื่อให้เลื่อนการเลือกตั้งตามกำหนดของคณะกรรมการกลางการเลือกตั้งออกไปก่อน โดยถ้าสสมมุติว่าการเลือกตั้งต้องเลื่อนจริงๆก็จะส่งผลให้การเลือกตั้งประมุขลูกหนังบ้านเราเสร็จไม่ทันตามที่ฟีฟ่าขีดเส้นไว้

    แต่ในที่สุดก็สามารถเลือกตั้งได้เนื่องจากศาลปกครองสั่งยกคำร้องขอคุ้มครองการเลือกตั้ง ซึ่งทำให้การเลือกตั้งสามารถเดินหน้าต่อไปได้

    จนถึงตอนนี้ก็ได้นายกสมาคมฟุตบอลคนใหม่คือ "บิ๊กอ็อด" พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่ชนะคู่แข่งสำคัญ "อาจารย์หรั่ง" ชาญวิทย์ ผลชีวิน ด้วยจำนวนเสีย 62 ต่อ 32 เสียง

    แน่นอนว่าทางด้านของอาจารย์หรั่งก็ออกมายอมรับผลการตัดสินและแสดงความยินดีกับนายกคนใหม่ไปตั้งแต่การนับคะแนนจะเสร็จซะอีก

    ก็น่าแปลกใจเหมือนกันว่าทำไมคะแนนถึงห่างขนาดนี้เพราะก่อนหน้านี้ส่วนตัวคาดว่าอาจจะต้องเลือกมากกว่า 1 ครั้งจนกว่าจะเหลือผู้ท้าชิงแค่ 2 คน แต่นี้ครั้งเดียวรอบเดียว "จบข่าว"

    หลังจากนี้คงไม่ใช่เวลามานั่งทะเลาะกันเพราะปีนี้ยังมีงานใหญ่อีกหลายคนสำหรับวงการฟุตบอลบ้านเรา

    ไม่ว่าจะในระดับทีมชาติที่ ชุดใหญ่มีเกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก หรือทีมชุด ยู16 กับ ยู19 ที่เตรียมลงแข่งชิงแชมป์เอเชียปลายปีนี้

    คนแพ้ก็ต้องยอมรับผลการแข่งขัน คนชนะก็ต้องเข้าใจคนแพ้ด้วยซึ่งถ้าเกิดว่าเราเห็นภาพคณะทำงานหรือทีมสมัครสภากรรมการของฝั่งอาจารย์หรั่งที่แพ้

    มาร่วมทำงานกับทีมของบิ๊กอ็อดที่ชนะ คงเป็นภาพที่สวยงามไม่น้อย ยิ่งฝั่งขั่วเก่ามีทนายเก่ง ขณะที่ฝั่งผู้ชนะก็มีกุนซือวางแผนเก่ง แต่จะเป็นไปได้หรือเปล่า ตอบตรงๆว่า "ไม่รู้"

    สุดท้ายสื่ออย่างเราๆท่านๆก็คงต้องหยุดด่าหรือพูดจาให้ร้ายฝั่งใดฝั่งนึงได้แล้ว รอเวลาให้นายกคนใหม่ทำงาน "เรื่องไหนผิดว่าไปตามผิด เรื่องไหนถูกว่าไปตามถูก"

    ซึ่งสื่อก็สามารถ "ติเพื่อก่อได้" เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม "แต่ไม่ใช่มานั่งด่ากัน" เหมือน "มือไม่พายเอาท้าราน้ำ" นะครับจะบอกให้

    โดย แบงค์ พิพัช