สกู๊ป : เกิดอะไรขึ้นเมเจอร์ลีก !?

สกู๊ป : เกิดอะไรขึ้นเมเจอร์ลีก !?

สกู๊ป : เกิดอะไรขึ้นเมเจอร์ลีก !?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในขณะที่ทุกสายตาต่างจับจ้องไปกับบอลยุโรป  น้อยคนที่จะล่วงรู้ว่า อีกเพียงไม่กี่อึดใจ “เมเจอร์ลีก สหรัฐฯ” ก็จะได้ฤกษ์ระเบิดเพลงแข้งขึ้นอีกครั้ง

เช้าวันจันทร์นี้แล้วที่ลูกหนังแดนลุงแซมจะกลับมาหวดลูกกลมกลมให้เราได้ชมกันต่อ ช่างน่าเหลือเชื่อที่กับซีซั่นนี้บนหน้าสื่อแทบไม่มีความเคลื่อนไหวของพวกเขาปรากฏพอๆกับตลาดซื้อ-ขาย ที่สุดซบเซา

ทั้งที่ในอดีตทุกย่างที่สหรัฐฯก้าวเดินล้วน ‘เกรียงไกร’ และทำให้ใครต่อใครต้องหันมาสบตา ..

เกิดอะไรขั้นฟุตบอลอเมริกาในเวลานี้ !?
 
ครับ จากวันที่ เดวิด เบ็คแฮม เลือกหันหลังให้วงการฟุตบอล .. จากวันที่ เธียร์รี่ อองรี ประกาศรีไทร์กับนิวยอร์ก เร้ด บูลส์ ถึงตรงนี้เป็นเวลากว่า 2 ปีแล้วที่ฟุตบอลของสหรัฐฯ ดูไม่คึกครื้นดั่งช่วงเวลาเก่าๆ  แม้เมื่อปีที่ผ่านมา แอลเอ กาแล็กซี่ จะสร้างความฮือฮาด้วยการดึง สตีเว่น เจอร์ราร์ด มาเสริมทัพให้แฟนๆได้กรี๊ดกร๊าดทว่ากลับกลายเป็นว่า กระทั่ง “สตีวี่ จี” ก็มิอาจช่วยให้เมเจอร์ลีกกลับมาบูมอีกครั้งได้

ในฤดูกาลที่ผ่านมาใครจะรู้บ้างว่า “พี่เจิด” ลงสนามไปแค่ 15 เกม  ใครจะรู้บ้างว่าชื่อของ เซบาสเตียน โจวินโก้ กลายเป็นเบอร์ 1ในแท่นชาร์ตดาวซัลโวลีก ใครเล่าจะทราบว่า พอร์ทแลนด์ ทิมเบอร์ส คือทีมแชมป์ที่คว่ำโคลอมบัส ครูว์ส ในนัดชิงเมื่อปีที่แล้ว ..

 ผมเชื่อว่า แม้บางคนอาจทราบแต่ก็เป็นการเพียงติดตามแค่ผิวเผินตามหน้าข่าวที่ผ่านสายตาโดยมิได้อยากลงลึกศึกษารายละเอียดแต่อย่างใด  เมเจอร์ลีกในเวลานี้กลายเป็นลีกที่แทบไม่มีใครติดตามแม้จะเพียบพร้อมไปด้วยสตาร์อย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด, กาก้า รวมถึง ดาบิด บีย่า ก็ตาม

คงไม่เกินจริงถ้าจะบอกว่า สหรัฐอเมริกามิใช่ดินแดนแห่ง “สวรรค์ชาวต่างชาติ”  เบอร์ 1 อีกต่อไป ..

ถ้า ปี 2016 คือ “ปีแห่งการเปลี่ยนขั้ว” ทั้งในประเทศ และ กับองค์กรฟีฟ่าของต่างแดน แน่นอนว่า กับตลาดซื้อ-ขายเองก็ไม่ต่างกัน จากเดิมที่สหรัฐฯเคยเป็นแหล่งขุมทรัพย์บรรดาพ่อค้าแข้งชื่อดัง บัดนี้สตาร์หลายรายกลับโยกไปหากินในแดนมังกรกับจีนแทน  

จีนที่เป็นศัตรูตัวฉกาจกับสหรัฐฯในเศรษฐกิจโลก ถึงตรงนี้ลุกลามมาชิงชัยกันในวงการลูกหนัง  ในขณะที่ ตลาดซื้อ-ขาย ปี 2016 ลีกสหรัฐฯคว้าแต่สตาร์ที่โรยราอย่าง ไนเจล เดอ ยอง, อันโตนิโอ โนเชริโน่, แอชลี่ย์ โคล  บรรดาทึมจากอาตี๋กลับหว่านเม็ดเงินกว่า 136 ล้านที่หว่านซื้อพ่อค้าแข้งที่กำลังพีคอย่าง เอซิเกล ลาเวซซี่, รามิเรส, อเล็กซ์ เตเซร่า, แจ็คสัน มาร์ติเนซ

ค่าเหนื่อยที่บ้าคลั่งกว่า 250,000 ปอนด์/สัปดาห์ ขึ้นไป ย่อมทำให้ใครต่อใครสั่นสะท้าน ไม่แปลกที่ดาวเตะชื่อก้องหลายรายล้วนอยากลิ้มรสชาติ

กระทั่ง โอบาเฟมี่ มาร์ติน ดาวยิงจอมตีลังกาที่ย้ายไปหากินกับซีแอตเทิ่ลในสหรัฐกว่า 3 ปียังทนความยั่วยวนของเม็ดเงินไม่ไหว เปลี่ยนขั้วไปสวามิภักดิ์กับแดนมังกรแทน

ผมเชื่อว่า นี่ไม่ใช่แค่ความบังเอิญ หรือ อยากพัฒนาก้าวหน้าในวงการฟุตบอลเพียงอย่างเดียว เมื่อเร็วๆนี้มีการเปิดเผยจากนิตยสารฟอร์บส์ว่า เมืองปักกิ่งกลายเป็นซิตี้ที่มี “เศรษฐีพันล้าน” อาศัยมากสุดในโลกแซงหน้า “นิวยอร์ก” ที่เคยครองตำแหน่งนี้มานาน

เช่นเดียวกับในวงการเศรษฐกิจ มีรายงานครับว่า เศรษฐกิจโลกในตอนนี้กำลังจะเปลี่ยนขั้วมาเป็น รัสเซีย-จีน ประเทศที่หลายต่อหลายชาติต่างเคยคว่ำบาตรตามก้นสหรัฐฯมานักต่อนัก   ทว่ากับโลกในปัจจุบันท่าทีที่เคยมีกลับเปลี่ยนไปพร้อมหันมาคบค้าสมาคมกับสองมหาอำนาจใหญ่แทน

ในเวลานี้ จีน กำลังเชือดเฉือน อเมริกา ในทุกๆด้าน .. “อย่างช้าๆ”

ทุกอย่างล้วนมีสคริปต์ .. นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หากแต่มีการเตรียมการอันเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายของประธานาธิปดี “สี จิ้นผิง” มากว่าหลายปี

 ณ เวลานี้ จีน กำลังจะแซงสหรัฐฯก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจโลกแทน ..    

กับฤดูกาลที่กำลังจะถึง เมเจอร์ลีก กลับไม่คึกครื้นเหมือนเคย การมาของ ไนเจล เดอ ยอง, แอชลี่ย์ โคล บวกกับที่มีอยู่อย่าง อันเดรส ปิร์โล่, แฟร็งค์ แลมพาร์ด, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, กาก้า, ดาบิด บีย่า และ ร็อบบี้ คีน ไม่ดึงดูดสายตาชาวโลกพอที่จะให้เปลี่ยนใจหันกลับมา ‘ชายตามอง’

ถ้าจะมีทีมใดที่น่าจับตาในปีนี้คงมีแค่ นิวยอร์ก ซิตี้  ใช่แล้ว .. นี่คือทีมที่เพียบพร้อมไปด้วยซุปเปอร์สตาร์อย่าง แลมพาร์ด, ปิร์โล่ และ ดาบิด บีย่า ทว่านั่นมิใช่เรื่องใหม่ ที่น่าสนใจคงเป็นการประเดิมบทบาทกุนซิอของ ปาทริค วิเอร่า ซะมากกว่าว่าจะออกทิศทางไหน

ส่วนประเด็นอื่นๆที่เหลือ !? ไม่มีอะไรน่าสนใจไปมากกว่าสิ่งที่เห็นในหน้ากระดาษ เมเจอร์ลีก ณ เวลานี้กำลังกลายเป็นทางผ่านของสตาร์ที่โรยรา ส่วนพวก “ยังบลัด” ทั้งหลายต่างมุ่งหน้าลัดฟ้าสู่แดนจีน

ถึงตรงนี้ลีกแดนลุงแซมต้องหาทางกู้ชื่อกลับมาให้ได้อีกครั้ง  โดยส่วนตัวผมเชื่อครับว่า หากต้องการกลับมาเป็นที่ต้องการของตลาด  อย่างแรกเลยพวกเขาต้อง “ปรับแนวคิด”

นโยบายที่พวกเขาดำเนินอยู่กำลังดิ่งเหวไปในทางที่ผิด  ที่ผ่านมาหลายทีมในยูเอสมักบริหารแบบฉาบฉวย เชื่อว่า แม้เศรษฐกิจโลกของพวกเขากำลังวิกฤต ทว่าถ้าพูดถึงเม็ดเงิน ลีกของอเมริกาย่อมไม่แพ้ใคร 

แต่บ่อยครั้งที่หลายสโมสรมักสร้างความฮือฮาในปีแรกที่เจ้าของเทคโอเวอร์ใหม่ๆทว่าจากนั้นก็ถูกละเลยพร้อมเอาเม็ดเงินไปทุ่มซื้อให้ธุรกิจกีฬาอื่นๆอย่าง ทีมเบสบอล, เอ็นเอฟแอล และ เอ็นบีเอ แทน

ส่วนฟุตบอลก็กลายเป็นแค่พระรอง ..พร้อม “เงียบหาย” ไปตามกาลเวลา ..

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เจ้าของหลายทีมในยูเอสจะฉุกคิดถึงปัญหานี้พร้อมกลับมาใส่ใจฟุตบอลอีกครั้ง ..

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่พวกเขาจะต้องร่างแผนงานที่จริงจังกับเมเจอร์ลีก ..
 
ที่ผ่านมา เป็นเพราะ อเมริกาทำตัวเอง การที่คิดว่า ตนเองเป็นจุดศูนย์กลางแค่หว่านเม็ดเงินสตาร์ก็เข้ามาย่อมเป็นความเชื่อที่ผิด

ในวันนี้พวกเขามิใช่ “เบอร์ 1 ของโลก” ที่ใครๆพร้อมเข้าหาอีกต่อไป .. เป็น “จีน” ต่างหากที่คือ “ของจริง” และ พร้อมก้าวขึ้นมาสู้แทน ..

ถึงตรงนี้ ลีกแดนลุงแซมต้องเริ่มปรับโครงสร้างกันใหม่  ทว่าหากยังเฉยเมย .. พร้อมมองผ่านปัญหาที่ว่านี้เป็นเพียงแค่อากาศ ..

ถึงตรงนั้นจะมิใช่แค่ “จีน” ที่ก้าวขึ้นมาแซง ..

แต่ความสำคัญของ “ฟุตบอล” ในโลกของสหรัฐ .. ก็จะยังเป็นแค่ “ซ็อคเกอร์” ดั่งเช่นที่ผ่านมา

by มาสเตอร์ ริท

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook