สกู๊ป : แดงเดือด! กับ "พลังปีศาจ"

สกู๊ป : แดงเดือด! กับ "พลังปีศาจ"

สกู๊ป : แดงเดือด! กับ "พลังปีศาจ"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อาจเป็นเพราะผลการแข่งขันในเกมแรก รวมถึงฟอร์มการเล่น และสถานการณ์ในภาพรวมที่ทำให้บรรยากาศก่อนเกม “สงครามสีแดง” ในศึกยูโรป้า ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดที่ 2 ไม่คึกคักอย่างที่ควรจะเป็น

ในเกมที่แอนฟิลด์นั้น แม้สกอร์จะไม่ถึงกับขาดมาก แต่รูปเกมนั้นถือว่าค่อนข้างขาด และโชคดีสำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ได้นายทวารอย่าง ดาวิด เด เฮีย มาช่วยทำให้พวกเขายังคงเหลือ “ความหวัง” อยู่บ้างในรายการนี้

เพราะหากไม่มีสองมือของเทพผู้พิทักษ์ชาวสเปนแล้ว บางทีเกมนี้อาจเป็นเกมที่ไม่เหลือความหมายใดๆให้ค้นหาเลยก็เป็นได้

อย่างไรก็ดีความหวังยังอยู่ นักเตะกองพลอสูรแดงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลงไปสู้ในสนามเท่านั้น

และไม่ใช่ว่าพวกเขาจะไม่เคยชนะคู่ปรับแห่งถนนสาย M62 ด้วยสกอร์ 3-0 เสียเมื่อไหร่

แต่การที่พวกเขาจะเอาชนะลิเวอร์พูล ที่กำลังเริ่มลงตัวเข้าฝักในเกือบทุกส่วนของสนาม ในสกอร์ขนาดนั้น มันไม่อาจพึ่งพา “ดวง” เพียงอย่างเดียวได้

ผมเองเห็นใจหลุยส์ ฟาน ฮาล อยู่บ้างครับ ไม่ว่าจะในฐานะของผู้อาวุโสในวงการฟุตบอล ปราชญ์ลูกหนังผู้เป็นหนึ่งในคนที่ปราดเปรื่องที่สุดและเป็นคนช่วยประกอบจิ๊กซอว์ให้ บาร์เซโลน่า และบาเยิร์น มิวนิค กลายเป็นทีมอีกระดับในยุคนี้ รวมถึงเห็นใจในฐานะมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่ง

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ แรงกดดันที่ถาโถม สิ่งปฏิกูลทางอารมณ์ที่ถูกสาปส่ง - ต่อให้หัวใจด้านชาแค่ไหน ใครเจอแบบนี้ก็รู้สึก

แต่ในทางตรงกันข้าม หากผมเป็นผู้ถวายหัวใจให้ปีศาจ และเคยผ่านวันเวลาที่ดีมาอย่างยาวนาน ได้เห็นฟุตบอลในแบบฉบับของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จริงๆ

ผมเชื่อว่าผมก็รับกับสภาพของยูไนเต็ดในเวลานี้ไม่ได้เช่นกันครับ

นอกเหนือจากความอึดอัดต่อสไตล์การเล่นที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย เรื่องของ “สปิริต” ก็เป็นหนึ่งในปัญหาที่สำคัญ

จิตวิญญาณนักสู้ของ 11 นักเตะที่พร้อมจะลงไปถวายชีวิตในสนามมันหายไปไหน?

ในเกมที่พ่าย เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน พวกเขาอาจโชคร้ายที่เหลือผู้เล่น 10 คน แต่อะไรคือการยืนทอดอาลัยปล่อยให้เวลาหมดไปเปล่าๆ?

ในเกมที่พ่าย ลิเวอร์พูล แม้สถานการณ์จะตกเป็นรอง แต่พวกเขาเคยสู้กันได้ดีกว่านี้

สิ่งที่อาจเป็นสัญญาณดีคือการที่ ยูไนเต็ด “โกงความตาย” ได้ในเกมเอฟเอ คัพ กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อสามารถฮึดจนไล่ตามตีเสมอได้สำเร็จ ไม่ต้องกระเด็นตกรอบต่อหน้าแฟนบอลในโอลด์ แทรฟฟอร์ด

เพียงแต่สิ่งที่น่าเสียดายคือคนที่ออกมาพูดปลุกใจถึงเรื่องพวกนี้ก่อนคนอื่นกลับเป็น คริส สมอลลิง หนึ่งในแกนสำคัญของทีม หาใช่ตัวของ ฟาน ฮาล เองไม่

ถ้าเป็นนายใหญ่ออกมากระตุ้นทีมเองในเรื่องนี้ มันจะได้ “ใจ” มากกว่านี้

แต่ก็นั่นแหละครับจอมปรัชญา

สำหรับเกมที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในคืนนี้ หนึ่งสิ่งที่ผมจับตามองมากที่สุดคือ “สปิริต” ของยูไนเต็ด ว่าจะกลับมาจริงหรือไม่

“พลังปีศาจ” ที่จะปลุกให้จอมอสูรกลับมาน่าเกรงขามอีกครั้ง

ถ้าพวกเขาเล่นด้วยความรู้สึกที่ไม่ต้องการจะเป็นผู้แพ้ เล่นด้วยความรู้สึกที่อยากจะทำให้แฟนๆมีความสุข และเล่นเพื่อตัวเองจะได้ไม่ต้องก้มหน้าออกจากสนาม เราน่าจะได้ชมเกมที่สนุก

นอกเหนือจากนั้นคือเรื่องของการต่อสู้ทางแท็คติกส์ในสนาม ที่น่าสนใจว่า ฟาน ฮาล จะหาวิธีหยุด 4 ประสานในแนวรุกของลิเวอร์พูลอย่าง คูตินโญ่, ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์, อดัม ลัลลานา และโรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่ ผู้ร้อนแรงได้อย่างไร

โดยเฉพาะคนหลังสุดที่ทำให้เดอะ ค็อป ทุกคนมีความสุข เพราะการพลาดตัว เมมฟิส เดปาย ไปให้กับยูไนเต็ด ได้นำพาสตาร์ชาวบราซิลเลียนคนนี้มาแทนที่

สุดท้ายแม้จะดูไม่คึกคักเหมือนเกมแรก และห่างไกลจากบรรยากาศของเกม “เรด วอร์” ที่เราคุ้นเคยกันในอดีตมากมายหลายเท่านัก แต่ในความเป็นคู่รักคู่แค้น อย่างไรเสียเกมนัดนี้ก็ยังมีความน่าดูอยู่โดยธรรมชาติของมัน

มากบ้างน้อยบ้าง เราต่างไม่หวังอะไรมากกว่าเกมที่สนุก สู้กันอย่างสุดความสามารถ รวมถึงชัยชนะที่เอาไว้ให้อีกฝ่ายเกทับบลัฟกันบ้างพอสนุกสนาน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับฟาน ฮาล ที่เวลาในโอลด์ แทรฟฟอร์ด เหลือน้อยเต็มที

อย่างน้อยให้มีอะไรที่น่าจดจำ ให้คนคิดถึงและอาลัยเมื่อจากกัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook