สกู๊ป : 2 แต้มที่สูญเสียของสเปอร์ส

สกู๊ป : 2 แต้มที่สูญเสียของสเปอร์ส

สกู๊ป : 2 แต้มที่สูญเสียของสเปอร์ส
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อวานได้พูดถึง “กองเชียร์” เลสเตอร์ ซิตี้ ไปแล้ว วันนี้คงต้องถึงคิวว่าด้วยเรื่องของ “กองแช่ง” สเปอร์ส กันบ้างนะครับหลังเกมที่ไก่เดือยทอง บุกไปเสมอลิเวอร์พูล 1-1 จากแอนฟิลด์ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา

โดย “ภาพรวม” นี่คือ เกมสนุกของ 2 ทีมที่ “ถูกโค้ช” และเล่นฟุตบอลสมัยใหม่ แต่เต็มไปด้วยความเป็น “วัฒนธรรมผู้ดี” ขนานแท้

ครับ ผมชอบ “เกมเร็ว” เพรสซิ่งหนักหน่วง, แท็คติก, แก้เกม แบบยุโรป แต่ก็มีการแท็คเกิ้ล สไลด์บอล ดุเดือด ทว่า “แฟร์” แบบฟุตบอลอังกฤษแท้ ๆ

ฉะนั้น หากเกมจะเต็มไปด้วยโอกาสทำประตู (หงส์แดง 9, สเปอร์ส 10 หนตามลำดับ) และจบด้วยผลเสมอ ผมก็มองว่า “เหมาะสม” ดีแล้วในเกมยาก ๆ ของทั้งคู่

เพราะลิเวอร์พูล มีแมตช์ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก กลางสัปดาห์กับ “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อันจัดได้ว่าเป็นเกมใหญ่ที่สุดในฤดูกาลของ เยอร์เก้น คลอปป์ รออยู่

ฉะนั้น การจัดทัพเต็ม ๆ รับมือ “แคนดิเดท” ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ภายใต้การทำทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ จึงจัดว่า คลอปป์ ให้ความสำคัญกับเกมนัดนี้ “ใกล้เคียง” กัน

ในส่วนตัวผู้เล่นนอกเหนือจาก แฮร์รี เคน vs แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ในฐานะคู่หัวหอกทีมชาติอังกฤษ จะได้ประจัญหน้าในสนามเดียวกันแล้ว

เกมนี้ยังมี “การปะทะ” ของหลายขุมกำลังที่มีสามารถสร้างสตอรี่ได้ไม่ว่าจะเป็น เดลลี อัลลี vs อดัม ลัลลาน่า ซึ่งเป็น 2 นักเตะแนวรุกสิงโตคำราม และเกือบ “ไขว้กัน” ในครึ่งเวลาหลัง


หรือที่น่าสนใจมาก ๆ คือ “เพลย์เมคเกอร์” ร่างเล็กของทั้ง 2 ทีม: คริสเตียน เอริคส์เซ่น vs เฟลิปเป้ คูตินโญ่ ที่โดดเด่นไม่แพ้กัน

นาธาเนียล ไคล์น vs ไคล์ วอล์คเกอร์ ที่ช่วงชิงตำแหน่ง “ฟูลแบ็ก” ทีมชาติผู้ดี

หรือจะเป็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน vs เอริค ดายเออร์ ในส่วนของมิดฟิลด์คู่กลางที่ก็คล้าย ๆ กับคู่ อัลลี vs ลัลลาน่า นะครับที่นักเตะตัวแทนจาก “แคมป์ไก่” ดูเหมือนจะ “แซงหน้า” เป็นตัวเลือกในใจ รอย ฮอดจ์สัน ไปแล้ว

ฟุตบอลแมตช์นี้ และขุมกำลังของทั้ง 2 ทีมจึงกล่าวได้ว่า “ทันกัน” และมีความคล้ายกันอยู่

ขณะที่สไตล์การเล่นเท่าที่ผมดูแล้ว โปเช็ตติโน่ จะเป็นฟุตบอล “ต่อบอล” ครองบอลมากกว่าในการ “บิ้วอัพ” หรือสร้างเกม

เฉพาะอย่างยิ่ง “บอลแรก” จาก ฮูโก้ ญอร์ริส ให้แผงหลัง โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ และเควิน วิมเมอร์ ทำเกมขึ้นมาจะคล้าย ๆ กับหงส์แดง ยุคเบรนแดน ร็อดเจอร์ส นั่นคือ เราแทบไม่ได้เห็น “บอลยาว” จากแนวหลัง

แต่จะค่อย ๆ ขับเคลื่อนบอลขึ้นมา และก็ถือว่า ทำได้ดีระดับหนึ่ง เพราะหงส์แดงที่ gegenpressing สูงไม่สามารถสร้างความได้เปรียบ หรือช่วงชิงบอลได้

 และทำได้เพียงบีบให้สเปอร์สเจองาน “ไม่ง่าย” เท่านั้นในการเล่นฟุตบอลแบบของตัวเอง


ขณะที่ลิเวอร์พูลยุคนี้ไม่ต้องพูดถึงครับว่า เล่นฟุตบอลแบบสเปอร์สไม่ได้ เพราะเซนเตอร์ฮาล์ฟ เช่น เกมนี้ใช้ เดยัน ลอฟเรน และมามาดู ซาโก้ ไม่ได้มีทักษะ หรือความสามารถในการเล่นฟุตบอลได้ดีเท่ากับผู้เล่นสเปอร์ส

ฟุตบอลของ คลอปป์ จึง “ไดเร็กต์” กว่า แต่ก็แฝงด้วยประสิทธิภาพครับ เพราะใช้เวลาในการพาบอลไปสู่พื้นที่อันตรายได้เร็วกว่า

น่าเสียดายครับที่จังหวะเฉียดไปมา เช่น ท้ายครึ่งแรกที่ สเตอร์ริดจ์ หลุดเดี่ยว หรือได้โหม่งเหน่ง ๆ ในครึ่งหลังไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้

สเปอร์สที่มี แฮร์รี เคน และแสดงให้เห็นจากประตูตีเสมอว่า ทำไมเค้าถึงยิงได้ 22 ประตูแล้วในลีกจากจังหวะพลิกผ่านลอฟเรนแล้วกลับตัวยิงจึงบุกมาเก็บแต้มได้

งานนี้คงต้อง “ตีความ” นะครับว่า จะเรียก 1 คะแนนนี้ว่า 1 แต้มได้รับ หรือ 2 แต้มเสีย เพราะไม่สามารถเก็บได้ 3 แต้มเต็มก็สุดแล้วแต่

ทว่า โดย “สถิติ” แล้ว สเปอร์ส ก็แทบไม่เคย หรือเคยบุกมาชนะในบอลลีกได้ที่แอนฟิลด์เพียงครั้งเดียวเท่านั้นในรอบ 23 ปี

ซึ่งผมยังไม่ทราบความ “เสียหาย” เพราะเลสเตอร์ จะเตะเซาแธมป์ตันภายหลัง และผมปิดต้นฉบับนี้ไปก่อน

เพราะหากชนะ “ช่องว่าง” จิ้งจอกสยามจะทิ้งเป็น 7 คะแนนขณะเหลืออีก 6 นัด แต่หากไม่ชนะ คือ เสมอ หรือแพ้

ผลต่าง 5 หรือ 4 คะแนนก็ไม่ได้ถือว่า แย่ไปนัก

ดังนั้นจึงน่าจะกล่าวได้ว่า สเปอร์ส ควรจะชนะให้ได้มากกว่า หรือทำได้ดีกว่านี้กับหงส์แดง ทีผมบอกแล้วว่า มีเกมยูโรป้า ลีก รออยู่

คือ ต้องชนะเกมในมือตัวเองทุกนัด โดยหลับตาลืมชื่อคู่แข่งไปเลยแล้วค่อย “แช่ง” เลสเตอร์

เพราะหาก “เทรนด์” ยังคงเป็นเช่นนี้ เดี๋ยวเสมอ เดี๋ยวชนะ ไม่เร็วก็ช้า เลสเตอร์ ก็จะเป็นแชมป์ครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook