"หนังภาคต่อ"

"หนังภาคต่อ"

"หนังภาคต่อ"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การทำได้แค่เสมอในเกมลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ 2 นัดติด ทำให้อาร์เซนอลมีสถิติชนะแค่ 2 จาก 7 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก

และหมายความว่าปืนใหญ่ต้องเปลี่ยนเป้าหมายจากการลุ้นแชมป์ มาเป็นการรักษาอันดับในท็อปโฟร์ให้ได้ไปโดยปริยาย

ถามว่านี่เป็นเรื่องใหม่สำหรับลูกทีมของอาร์แซน เวนเกอร์หรือเปล่า คำตอบก็คือไม่ ถ้าเปรียบเป็นหนังสักเรื่อง ก็เรียกได้ว่าคนดูน่าจะเดาตอนจบได้หมดแล้ว

บางคนอาจจะมองว่ามันคือหนังม้วนเก่าที่ฉายวนไปวนมาสำหรับอาร์เซนอล นั่นคือทำท่าว่าจะมีลุ้นแชมป์

แต่สุดท้ายก็หลุดวงโคจรไปแบบโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง และลงเอยด้วยการขอคว้าอันดับในท็อปโฟร์ไว้ให้ได้ก่อนเป็นพอ

ด้วยคะแนนที่ถูกจ่าฝูงเลสเตอร์ทิ้งห่างไปแล้ว 13 แต้มในตอนนี้ โดยมีเกมเหลืออยู่แค่ 5 นัดในมือ คงไม่มีใครกล้าคิดว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นกับปืนใหญ่แน่



แต่ที่มันแสบๆ คันๆ กว่านั้นก็คือสถานการณ์ของอาร์เซนอลย่ำแย่จนถึงขนาดที่ว่าอันดับ 3 ที่เคยยึดครองมานานก็ยังถูกแมนเชสเตอร์ ซิตี้ช่วงชิงไปซะแล้ว

และกลายเป็นว่าการลุ้นในไม่กี่นัดที่เหลืออยู่ อาจจะเป็นการลุ้นไม่ให้ถูกทีมที่ตามหลังมาอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แซงหน้าขึ้นไปได้แทน

การหมดสิทธิ์ซิวแชมป์เอฟเอคัพมาปลอบใจเหมือนกับใน 2 ปีที่ผ่านมา ยิ่งทำให้ฤดูกาลนี้ของอาร์เซนอลจบลงด้วยความล้มเหลว และไปตั้งเป้าหมายกันต่อไปในฤดูกาลหน้าว่าทุกอย่างจะดีขึ้น

แต่ถ้าสโมสรยังคงใช้นโยบายแบบเดิมๆ

เวนเกอร์ยังคงสร้างทีมและคุมทีมแบบเดิมๆ

นักเตะยังคงเล่นได้แบบเดิมๆ

บรรดาเดอะกันเนอร์สคงได้แต่ทำใจว่าปีหน้าคงได้ดูหนังภาคต่อของเรื่องเดิม ที่เดาตอนจบได้เหมือนเดิมอีกนั่นแหละ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook