ไม่มี “คนสำคัญ” ในวันที่ “สำคัญที่สุด”

ไม่มี “คนสำคัญ” ในวันที่ “สำคัญที่สุด”

ไม่มี “คนสำคัญ” ในวันที่ “สำคัญที่สุด”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถึงตอนนี้ประเด็น เจมี่ วาร์ดี้ “พุ่งล้ม” โดนใบเหลือง/แดง และถูกแบนเพิ่มรวม 2 นัดหลังแสดงความประพฤติไม่เหมาะสมใส่กรรมการ จอน มอสส์ ยังก่อกระแส และสร้างผลที่ตามมา “สาหัส” เอาเรื่องครับ

ก่อนเกมของ จิ้งจอกสยาม วันนี้ วันอาทิตย์ที่ 24 เม.ย.กับสวอนซี ในบ้าน คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม

ไล่ทีละเรื่องนะครับ



1.วาร์ดี้ยังอาจนอนไม่หลับ

ดังที่ผมเขียนไปทันทีหลังเกมกับเวสต์แฮมครับว่า “วาร์ดี้ ล้มในเขตโทษ ถูกหรือผิด?” ซึ่งไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน ผมก็ยังยืนคำตัดสินเดิมของตัวเองว่า หากผมเป็นวาร์ดี้ ผมก็จะทำเหมือนกัน

จังหวะนั้นเป็น “เหลี่ยมบอล” ได้เปรียบของหัวหอกทีมชาติอังกฤษเหนือ แองเจโล่ อ๊อกบอนน่า

แต่เมื่อถูกตัดสินเป็นใบเหลืองที่ 2 สิ่งที่วาร์ดี้ หรือผู้เกี่ยวข้องต้องเก็บมาช่วยคิด คือ อนาคตในสถานเดียวกัน หรือใกล้เคียงที่หากมีอีกจะทำอย่างไร?

คำตอบก็คือ น่าจะทำเหมือนเดิม เพราะนี่คือ “ตัวตน” ของผู้เล่น แต่ควรลดบทบาทการกระโดดเป็นกุ้งออกไป

สำคัญที่สุด คือ วิวาทะ และพฤติกรรมหลังจากนั้นอันนำมาซึ่งการโดนแบนเพิ่มอีก 1 นัด และก็จะเป็นนัดสำคัญที่ต้องไปเยือนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสียด้วย    

เพราะฉะนั้น หากแยกเป็นประเด็นให้ “นอนหลับ” วาร์ดี้ ควรทำความเข้าใจตัวเอง และสถานการณ์ย่อยข้างต้นให้ได้ก่อนกลับมาเล่นให้เต็มที่ใน 2 นัดสุดท้าย


2.อย่าหลงประเด็น

ใจความสำคัญของเรื่องนี้สำหรับผมยังอยู่ที่ “ประเด็น” ถูกเบี่ยงเล็กน้อยจากวาร์ดี้ สมควรโดนใบเหลืองอีกใบหรือไม่? เป็นพฤติกรรมรุนแรงไม่ยอมรับคำตัดสินแทน

เบื้องต้นมีคนวิพากษ์วิจารณ์ โจนาธาน มอสส์ เยอะเกี่ยวกับการตัดสินหลายจังหวะในแมตช์นี้ เฉพาะอย่างยิ่งจังหวะวาร์ดี้ดังกล่าว

แต่สุดท้าย ประเด็นค่อย ๆ ถูกเฟดหายไป และทำให้เสมือน หัวหอกทีมชาติอังกฤษเป็นผู้รับกรรมในเหตุการณ์นี้แต่ผู้เดียว และเลยไปกระทบถึงต้นสังกัด เลสเตอร์ ซิตี้

เฉพาะอย่างยิ่งการตัดสินไม่สม่ำเสมอจากจังหวะจุดโทษเพราะแนวรับใช้มือไม้พัลวัน แต่ให้เวสต์แฮม ไม่ให้เลสเตอร์

ผมเองไม่ได้จะออกมาเรียกร้องให้ มอสส์ ขอโทษใคร แต่ ณ เวลาที่ใกล้เกมแบนเกมแรกกับสวอนซีมากขึ้นเท่าไหร่ การขาดหายไปของวาร์ดี้ยิ่งเสียงดัง

ขณะที่การพูดถึงผลงาน โจนาธาน มอสส์ ยิ่งเงียบ ๆ

แฟร์หรือไม่!?



3.ใครจะเล่นแทนวาร์ดี้

จากข้อมูล skysports.com ฤดูกาลนี้เหลือเชื่ออย่างมากที่ วาร์ดี้ ออกสตาร์ต และเป็นตัวจริงในทุกนัดจำนวน 34 แมตช์ที่ยิง 22 ประตูให้กับเลสเตอร์

ประเด็นจึงเป็น เคลาดิโอ รานิเอรี่ ยังไม่เคยเจอสถานการณ์ในลีกที่มีชีวิตโดยไม่มีหัวหอกวัย 29 ปีลงสนามเลย!

เหลือเชื่อมากนะครับ!? กับการที่นักเตะคนหนึ่งไม่บาดเจ็บ ล้มตาย เลยแม้แต่เกมเดียว

อย่างไรก้ดีในบอลถ้วยจะมี 3 แมตช์ในส่วนของ แคปิตัล วัน คัพ 2 แมตช์ และเอฟเอ คัพ 1 แมตช์ (ชนะในเวลา 1, ชนะช่วงต่อเวลา 1 และเสมอ 1) ไม่นับรวมอีก 2 นัดในเอฟเอ คัพ และแคปิตัล วัน คัพ ที่เจ้าตัวลงสนามมาในฐานะตัวสำรอง (แพ้ทั้ง 2 นัด)

ขณะที่ตัวแทนชื่อก็อย่างที่ทราบ ๆ กันครับ ชินจิ โอกาซากิ ที่พักหลัง 14 แมตช์พรีเมียร์ลีกล่าสุดได้ออกสตาร์ตตัวจริง แต่สถิติยิงแค่ 5 จาก 32 นัดดูไม่สู้งดงาม

ทว่า หัวหอกญี่ปุ่น ขึ้นชื่อเรื่องความขยัน และช่วยเหลือทีมเกินหน้าที่รับผิดชอบ

เลโอนาร์โด อูลลัว กองหน้าอาร์เจนไตน์ ลงมายิงจุดโทษตีเสมอเวสต์แฮม 2-2 ในเกมที่ผ่านมาอย่างเลือดเย็น และหากรานิเอรี่ ยังยึดระบบ 4-4-2 อดีตกองหน้าจากไบร์ทตันน่าจะได้ยืนคู่กับ โอกาซากิ ในซีซั่นเงียบ ๆ ที่ออกสตาร์ตแค่ 5 นัด แต่สำคัญต่อทีมยิ่งยวด เพราะลงสำรองถึง 21 นัดด้วยกันในปีที่ยิงได้ 4 และส่งให้เพื่อน 2 ประตู


4.ปรับระบบการเล่นจาก 4-4-2

ระบบ 4-4-2 ที่สมบูรณ์แบบไม่เฉพาะทีมเลสเตอร์ คือ การที่กองหน้าต้องมีความสามารถในการ “เคลื่อนที่” ไปรับบอลไม่ว่าจะริมเส้น, หลังไลน์แบ็คโฟร์ฝั่งตรงข้าม, ดร็อปลงมาต่ำ ฯลฯ

ซึ่ง เจมี่ วาร์ดี้ มี “ครบเครื่อง” และก็หาไม่ได้ในกองหน้าคนอื่น ๆ ของทีม หรือหาแบบนี้ไม่ได้ในพรีเมียร์ลีกนั่นแหละครับ

ฉะนั้น หากรานิเอรี่ จะยังยึดระบบนี้ แน่นอนว่า จำนวนครั้งการต่อบอลต้องมากขึ้นก่อนได้จบสกอร์ เพราะไม่มีใคร “ไดเร็กต์” ทะลุทะลวงเท่ากับวาร์ดี้

หรือกุนซืออิตาเลียนก็ต้องปรับเป็นกองหน้าคนเดียว 4-2-3-1 เหมือนที่เคยใช้เจอสวอนซี นี่แหละ และชนะ 3-0 ที่มี มาร์ค อัลไบร์ทตัน, อูลลัว และมาห์เรซ สนับสนุนวาร์ดี้

แต่เกมจะปรับเป็นสนับสนุน โอกาซากิ!?



5.นี่คือเกมที่สำคัญที่สุดในฤดูกาลนี้

แม้คู่แข่งจะเป็น สวอนซี ที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ ในลีก แต่ทว่าจากทั้ง 4 ข้อประเด็นข้างต้นเฉพาะอย่างยิ่งการต้องใช้ชีวิตครั้งแรกในลีกโดยไม่มี เจมี่ วาร์ดี้

รานิเอรี่ และลูกทีมจะ “ตอบคำถาม” สังคมฟุตบอลอย่างไร?

รวมถึงนี่คือ 4 นัดสุดท้ายที่ผู้เคยมีประสบการณ์อย่าง สตีเวน เจอร์ราร์ด ให้นิยามว่า “เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด และแย่ที่สุดพร้อม ๆ กัน”

และสำหรับเลสเตอร์แล้ว นี่คือเกมที่ “ง่ายที่สุด” ใน 4 นัดที่เหลือ ณ จุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญที่สุดของฤดูกาล (ก่อนสเปอร์สจะเตะตามหลัง “มันเดย์ไนท์” กับเวสต์บรอมฯ)

แต่จะไม่มี เจมี่ วาร์ดี้ นักเตะที่สำคัญที่สุด!!!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook