บทเรียนชีวิต "ซาโก้"
ทั้งที่ควรจะเป็นช่วงเวลาที่ได้ผ่อนคลายและเตรียมหัวใจให้พร้อมสำหรับโค้งสุดท้ายของฤดูกาล โดยเฉพาะกับยูโรป้า ลีก ที่มาไกลถึงรอบตัดเชือก แต่ดูเหมือนพายุกำลังโหมกระหน่ำแอนฟิลด์อีกครั้ง และคราวนี้รุนแรงพอสมควร
จากอาการบาดเจ็บของ เอ็มเร่ ชาน กองกลางห้องเครื่องตัวเก่ง มาถึงดิวอค โอริกิ กองหน้าที่ดีที่สุดในทีมเวลานี้
ล่าสุดอีกหนึ่งกระดูกสันหลังที่ค้ำทีมอย่าง มามาดู ซาโก้ ซึ่งเป็นนักเตะที่ทำให้เกมรับของทีมเป็นปึกแผ่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาตกเป็นข่าวอื้อฉาวเมื่อถูกตรวจพบสารกระตุ้น
และได้รับแจ้งในวันศุกร์ ทำให้สโมสรตัดสินใจร่วมกับนักเตะในการพักการเล่นทันที และจะรอผลการพิจารณาจากทางยูฟ่าอีกครั้ง
โดยผลการตรวจที่เป็น “บวก” นั้นเกิดขึ้นในเกมยูโรป้า ลีก กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา
คาดการณ์กันว่าซาโก้ จะขอให้ยูฟ่า พิจารณาผลตรวจจากตัวอย่างชุด บี อีกครั้งครับ แม้ว่าอาจจะนำไปสู่บทลงโทษที่รุนแรงขึ้นก็ตาม เพียงแต่กรณีนี้เป็นเรื่องของ “นักเตะ” ไม่ใช่สโมสร ซึ่งลิเวอร์พูล จะไม่โดนลงโทษด้วยแต่อย่างใด
ตามรายงานข่าวระบุว่าสารที่พบ “น่าจะ” มาจากสารประกอบในยาลดน้ำหนักที่ใช้ โดยมีสารกระตุ้นอยู่ในนั้นด้วย
มิเชล แวร์โรเคน ผู้ที่รับผิดชอบเรื่องของการต่อต้านการใช้สารกระตุ้นในสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่าสารประเภทนี้เมื่อทานไปแล้วจะมีส่วนในการเพิ่มความสามารถในการเผาผลาญไขมัน และเป็นการกระตุ้นร่างกายรูปแบบหนึ่ง
ประเด็นเรื่องของการใช้สารกระตุ้นในนักกีฬา กำลังเป็นปัญหาใหญ่ของวงการกีฬาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาครับ มีกรณีอื้อฉาวมากมายที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น แลนซ์ อาร์มสตรอง เมื่อหลายปีก่อน, มาเชีย ชาราโปวา นักเทนนิสสาวซูเปอร์สตาร์ หรือในวงการกรีฑา วงการว่ายน้ำ
ล่าสุดในวงการฟุตบอลเองก็มีรายงานข่าวว่ามีนักกีฬาชื่อดังจำนวนมากที่ใช้สารกระตุ้น และรอที่จะเปิดเผยความจริงกันอยู่
ต่อเรื่องนี้นั้น จะเป็นเจตนาหรือไม่นั้นเรื่องหนึ่ง แต่หากผิดต่อบทบัญญัติที่กำหนดไว้ ก็ไม่มีความหมายอื่นนอกจากนั้น
ก่อนหน้านี้ในปี 2011 โคโล ตูเร่ เองก็เคยเจอกรณีเดียวกันกับซาโก้ โดยครั้งนั้นถูกลงโทษห้ามลงสนามนานถึง 6 เดือน
สำหรับซาโก้ ไม่ว่าผลการพิจารณาจะเป็นเช่นไร จะถูกลงโทษหนักหรือจะรอดตัว นี่คือบทเรียนชีวิตสำหรับเขาและเหล่านักเตะอาชีพที่ต้องระมัดระวังตัวให้มาก เพราะเรื่องสารกระตุ้นนั้นเป็น “วาระระดับโลก”
ในวัย 26 ปี ซาโก้ ยังมีโอกาสและเวลาที่จะพิสูจน์ตัวเองได้อีกไกลครับ สิ่งสำคัญอยู่ที่เขาว่าจะยอมรับและเรียนรู้กับเรื่องนี้ได้แค่ไหน
เพียงแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันน่าเจ็บปวดอยู่มาก กับช่วงเวลาที่กำลังเล่นได้ดีที่สุดในชีวิต กับโอกาสที่ใกล้เคียงกับการพาทีมถึงปลายทางในยูโรป้า ลีก และกับโอกาสที่จะได้ร่วมฟุตบอลยูโร 2016 ที่อยู่ตรงหน้า
รวมถึง “มลทิน” ที่จะติดตัวไปตลอดชีวิต
อย่างไรก็ดีชีวิตคนเรา ล้มได้ก็ลุกได้ครับ ผมเชื่อว่าหาก เดอะ ค็อป มีกำลังใจให้ ซาโก้ จะผ่านเวลาที่มืดมนอนธการนี้ไปได้อย่างแน่นอน
by ลูกแม่กิ่ง (lookmaeking@hotmail.com)