ลุ้นแชมป์แรกของ "จอมปรัชญา"

ลุ้นแชมป์แรกของ "จอมปรัชญา"

ลุ้นแชมป์แรกของ "จอมปรัชญา"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ชัยชนะเหนือทอฟฟี่สีน้ำเงิน "เอฟเวอร์ตัน" 2-1 ที่สนามเวมบลีย์ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ในฟุตบอล "เอฟเอ คัพ" รอบรองชนะเลิศ ถือเป็นการเข้าใกล้กับตำแหน่งแชมป์มากที่สุดนับตั้งแต่ป๋าเฟอร์กี้ "เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน" วางมือไปเมื่อฤดูกาล 2012-2013 ที่ปิดท้ายด้วยตำแหน่งแชมป์ "พรีเมียร์ลีก"

มาถึงตรงนี้ก็ผ่านไปเกือบ 3 ปีแล้ว ที่ไม่ประสบความสำเร็จอะไรทั้งสิ้นในแง่ของถ้วยรางวัล ทั้งในยุคของ "เดวิด มอยส์" และจอมปรัชญาอย่าง "หลุยส์ ฟาน กัล" นายใหญ่คนปัจจุบัน

ทั้งๆ ที่ชื่อของ "แมนฯ ยูไนเต็ด" คือชื่อระดับแบรนด์เนมหรือเอลิสต์ของวงการที่ถูกคาดหมายว่าจะต้องถึงขั้นลุ้นแชมป์ลีกหรือแชมป์ฟุตบอลยุโรป  

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เป้าหมายของทีมคงเป็นถ้วย "เอฟเอ คัพ" ที่ทีมเคยได้ครั้งสุดท้ายเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว ในฤดูกาล 2003-2004 กับโควตาฟุตบอลยุโรป "ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก" ที่ทีมตามอันดับ 4 "แมนฯ ซิตี้" และ อันดับ 3 "อาร์เซนอล" เพียง 5 คะแนน ซึ่งขุนพลอสูรแดงยังเตะน้อยกว่า 1 นัด อีกต่างหาก ถ้าเกิดสามารถชนะได้ช่องว่างของคะแนนจะเหลือเพียงแต้มเดียวเท่านั้น

แน่นอนว่า "โอกาส" ถือว่าเปิดกว้าง โดยฟุตบอลรายการนี้แม้จะถูกจัดเป็นฟุตบอลถ้วยอันดับ 1 ของอังกฤษ แต่ต้องยอมรับว่า "เสน่ห์" กับ "ความเย้ายวน" สู้กับการเป็นแชมป์บอลลีกหรือประสบความสำเร็จในเวทียุโรปไม่ได้ ซึ่งไม่รู้เป็นโชคดีหรือโชคร้ายของทีมที่คู่แข่งบรรดาทีมใหญ่ด้วยกันตกรอบไปหมดแล้ว

เหลือแค่ว่าจะเป็น "คริสตัล พาเลซ" หรือ "วัตฟอร์ด" ที่จะเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งทีมเหล่านี้ในแง่ของชื่อชั้นหรือองค์ประกอบภายในทีมถึงจะดีขึ้นหรือนักเตะเก่งขึ้น แต่ก็ยังไม่น่าจะใช่คู่มือของนักเตะอสูรแดงอีกที
ข่าวดีไปกว่านั้นคือตัวหลัก "เวย์น รูนี่ย์" กลับมาช่วยทีมได้อย่างเต็มตัวแล้ว ถึงจะต้องขยับลงไปเล่นตรงกลางสนามเพื่อเปิดทางให้น้องใหม่ไฟแรงเฟร่ออย่าง "มาร์คัส แรชฟอร์ด" ลงสนาม แต่ก็สร้างประโยชน์ให้กับทีมได้มากมาย โดยเฉพาะประสบการณ์ลูกเก๋าที่สามารถสร้างความได้เปรียบให้กับทีมจนเป็นประตูในหลายๆ จังหวะ

ขณะที่ตัวผู้จัดการทีมเองก็ถูกกระแสสังคมโจมตีเกือบทุกอาทิตย์พร้อมคำถามในการตั้งข้อสงสัยว่า "เก่งจริง" หรือ "คนที่ใช่หรือเปล่า" ซึ่งถ้าเกิดนายใหญ่ชาวดัตช์สามารถพาทีมคว้าแชมป์บอลถ้วยรายการนี้ในประเทศได้ น่าจะทำให้ขาเก้าอี้ที่สั่นของตัวเองกลับมานิ่งแน่นอน

แถมประสบการณ์ของเจ้าตัวในฟุตบอลโลกอยู่ในระดับ "พอได้" ตั้งแต่เริ่มคุมทีมกับ "อาแจ็กซ์" ในเอเรดิวิซี่ ลีก เป็นแชมป์ 4 สมัยติด มาอยู่สเปนกับ "บาร์เซโลน่า ก็พาทีมได้ถ้วย "โคปา เดล เรย์" หรือ "บุนเดสลีกา" กับ "บาเยิร์น มิวนิค"      

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลังจบฤดูกาลนี้ตัว "ฟาน กัล" เองก็คงต้องย้ายออกไปด้วย) เนื่องจากผลงานยังไม่เข้าตาและสไตล์การเล่นที่ขัดใจเหล่ามหาชนชาวอสูรแดง

แต่อย่างน้อยๆ ฤดูกาลนี้ "หลุยส์ ฟาน กัล" ก็สามารถพาทีม "ลุ้นแชมป์" หลักได้ 1 รายการ และบางทีอาจจะเป็น "แชมป์แรก" และ "แชมป์เดียว" ของเจ้าตัวในโรงละครแห่งความฝันก็ได้ครับ


โดย แบงค์ พิพัช

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook