บทเรียนราคาแพงของ "ปราสาทสายฟ้า" โดย WEEZA

การไม่สามารถเก็บชัยชนะได้เลยตลอดการเล่นทั้ง 6 นัด ของ "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้ บ่งบอกได้เป็นอย่างดี ถึงความล้มเหลวของทีมแชมป์ไทยลีกอย่างไม่มีข้อแก้ตัว

ด้วยผลงานเสมอ 1 นัด และแพ้ถึง 5 เกม เก็บได้เพียงแค่แต้มเดียว ถือเป็นผลงานที่ย่ำแย่ที่สุด นับตั้งแต่เคยลงเล่นในรอบแบ่งกลุ่มในรายการนี้ 5 ครั้งที่ผ่านมา

ผลงานในรอบแบ่งกลุ่มในฤดูกาลนี้ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
นัดที่ 1 : แพ้ เอฟซี โซล 0-6 (เหย้า)
นัดที่ 2 : แพ้ ซานตง ลู่เนิง 1-4 (เยือน)
นัดที่ 3 : แพ้ ซานเฟรชเซ่ ฮิโรชิม่า 0-3 (เยือน)
นัดที่ 4 : แพ้ ซานเฟรชเซ่ ฮิโรชิม่า 0-2 (เหย้า)
นัดที่ 5 : แพ้ เอฟซี โซล 1-2 (เยือน)
นัดที่ 6 : เสมอ ซานตง ลู่เนิง 0-0 (เหย้า)

อีกจุดหนึ่งที่เห็นจะปฏิเสธไม่ได้ก็คือในเรื่องของเกมรุก โดยแนวรุกทำได้เพียงประตูเดียวจากทั้งหมด 6 เกม แถมยังเป็นการทำประตูจากลูกจุดโทษ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นเพราะการขาดหายไปของ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต้ ดาวยิงตัวเก่งชาวบราซิลของทีม แต่นั่นกำลังจะชี้ให้เห็นว่าทีมพึ่งพาในตัวของดาวยิงแซมบ้ามากเกินไปหรือไม่

ขณะที่แนวรับเสียไปมากถึง 16 ประตู โดยเฉพาะเกมเปิดหัวนัดแรกที่โดน เอฟซี โซล คู่แข่งจากแดนโสมบุกมาถล่มถึงสนาม ไอโมบาย สเตเดี้ยม ไปมากถึงครึ่งโหล ถือเป็นความพ่ายแพ้ที่ยับเยินที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ "ปราสาทสายฟ้า" เคยปราชัย ซึ่งหลังเกมถึงขนาดที่ เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรออกมากล่าวว่า "ถือเป็นความเจ็บปวดที่สุดในชีวิตการทำทีมฟุตบอล"

แน่นอนครับ สิ่งสำคัญที่เราต้องยอมรับเป็นอันดับแรกคือ เรายังห่างชั้นกับมาตรฐานของเอเชียอยู่มาก การพ่ายแพ้คู่แข่งแบบหมดรูปคือข้อพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี

จริงอยู่แม้ "ปราสาทสายฟ้า" จะเคยสร้างชื่อด้วยการผ่านเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ เมื่อปี 2013 แต่ต้องไม่ลืมว่านั่นคือเกียรติยศเดียวที่เคยเกิดขึ้นตลอด 5 ครั้งที่ผ่านมา

ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นมันได้ผ่านและกลายเป็นอดีตไปเรียบร้อย ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้ เพียงแต่ต้องกลับมาย้อนดูถึงข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น เพื่อจะได้ไม่ให้มันเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยแบบนี้ขึ้นอีก

และเชื่อเหลือเกินว่า ความล้มเหลวครั้งนี้ จะเป็นบทเรียนชั้นดี พร้อมกับเป็นแรงกระตุ้นผลักดันให้ "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กลับมายืนเป็นสโมสรแถวหน้าของเอเชียตามที่ตั้งใจไว้ได้สำเร็จ

WEEZA