สกู๊ป : Anfield Showdown

สกู๊ป : Anfield Showdown

สกู๊ป : Anfield Showdown
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หากเกมกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เมื่อเดือนที่แล้วเป็นเกมที่ “พีค” ที่สุดของฤดูกาลนี้สำหรับลิเวอร์พูล

เกมกับ บีญาร์เรอัล ที่แอนฟิลด์ ในคืนนี้จะเป็นเกมที่มีความสำคัญมากที่สุดต่อทีม ไม่ใช่เพียงแค่ในฤดูกาลนี้ แต่ยังมีความสำคัญไปถึงฤดูกาลหน้าด้วยครับ

อย่างที่ทราบ - ลิเวอร์พูล พลาดท่าพ่ายต่อ “เรือดำน้ำเหลือง” ทีมระดับท็อปของวงการฟุตบอลสเปน มาอย่างไม่น่าพลาดเมื่อเสียประตูง่ายๆในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ

1 ประตูของ อาเดรียน โลเปซ หากจะว่าเป็นความได้เปรียบมากนักก็ไม่ใช่ เพราะสถานการณ์จะกลับมาเท่ากันทันทีหากลิเวอร์พูลทำประตูได้ไม่ว่าจะในนาทีใดในเกมที่แอนฟิลด์ แต่ประตูที่เสียไปอย่างไม่จำเป็นนั้นได้ส่งผลต่อเรื่องอื่นๆมากกว่า

ไม่ว่าจะเรื่องของความกดดัน ความเชื่อมั่น หรือแม้กระทั่งบรรยากาศในทีมที่เปลี่ยนไปจากเมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อนอย่างเห็นได้ชัด



ผมเองยืนยันในความรู้สึกเดิมที่เขียนถึง “หงส์แดง” อย่างต่อเนื่องจากเกมที่เอล มาดริกัล สู่เกมที่พ่ายต่อสวอนซี อย่างหมดรูปที่ ลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยม ว่าเวลานี้ลิเวอร์พูลน่าเป็นห่วงครับ

ปัจจัยหลายอย่างไม่เอื้อต่อเกมสำคัญที่แอนฟิลด์ในวันนี้เลย

ประเด็นหลักที่ “คาใจ” ใครหลายคนอยู่คือความสัมพันธ์ระหว่าง เยอร์เก้น คล็อปป์ กับ ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ สตาร์กองหน้าประจำทีม ซึ่งเดิมเป็นกระบี่มือหนึ่งมาโดยตลอด แต่ถูกถอดสถานภาพออกจากผลงานที่สู้ ดิวอค โอริกิ ดาวยิงรุ่นหลังไม่ได้

“การกระทำ” ของคล็อปป์ ในการดร็อปจากทีมที่เอล มาดริกัล กับ “คำพูด” ของดาวยิงจอมเซิ้ง ไม่ชวนให้เดอะ ค็อปรู้สึกดีสักเท่าไหร่ครับ

มันสัมผัสได้ชัดว่าระหว่างทั้งสองมีเรื่องที่ต้อง “สะสาง” กันพอสมควร

การปรากฏตัวของ สเตอร์ริดจ์ ในเกมนี้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก เพราะระหว่างการลงตัวจริงในสนามกับนั่งสำรองบนม้านั่งข้างสนามนั้นแตกต่างกันอย่างมาก

เพราะมันสะท้อนให้เห็นถึงความ “เชื่อมั่น” ของคล็อปป์ ที่มีต่อสเตอร์ริดจ์ ว่า ณ เข็มนาฬิกาเดินไปนั้นเหลือมากน้อยแค่ไหน



หากเป็น โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่ ที่ได้ลงสนามแทน เดอะ ค็อป ก็คงต้องเตรียมใจที่จะบอกลาอีซ้ายพระกาฬรายนี้ได้เลยครับ

อย่างไรก็ดีนอกจาก “ศึกใน” ที่ต้อง “สยบ” ให้อยู่แล้ว คล็อปป์ เองยังต้องเตรียมที่จะรับมือ “ศึกนอก” อย่าง บีญาร์เรอัล ให้ดีและละเอียดขึ้นกว่าเดิมด้วย

ในเกมที่มาดริกัล ลิเวอร์พูล เป็นรอง บีญาร์เรอัล อย่างชัดเจนในเกมแดนกลาง โดยเฉพาะการปล่อยให้ บรูโน่ ห้องเครื่องเรือดำน้ำทำงานได้อย่างสะดวก สามารถขับเคลื่อนเกมได้อย่างค่อนข้างมีอิสระ

วันนี้ คล็อปป์ จะปล่อยให้ บรูโน่ เล่นได้สะดวกโยธินแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด

การกลับมาของ เอ็มเร่ ชาน ถือเป็นข่าวดีครับ หากสามารถลงสนามได้ พลังไดนามิคของสตาร์ดาวรุ่งรายนี้น่าจะทำให้เกมแดนกลางของ ลิเวอร์พูล พะบู๊กับอาคันตุกะจากสเปนได้ดีพอสมควรแน่นอน

แต่หากยังลงสนามไม่ไหว ภาระจะตกอยู่กับ โจ อัลเลน และลูคัส ที่ต้องทำให้ดีขึ้นกว่านัดก่อน

เพราะแทนที่จะระวังเพียงแค่ เดนิส ซัวเรซ กับ เซดริก บากัมบู สองตัวอันตรายที่มีความเร็วสูง การทำลายเกมของบีญาร์เรอัล ด้วยเกมเพรสซิ่งสูงและบีบให้ บรูโน่ เล่นยากจะช่วยให้ลิเวอร์พูล สู้ได้สนุกขึ้นจากนัดแรก

อย่างไรก็ดีคู่แข่งอย่าง บีญาร์เรอัล ถือเป็นทีมที่ดีและมีศักยภาพจะไปถึงแชมป์ได้ไม่ต่างจากทีมอื่นครับ

ดังนั้นหากลิเวอร์พูล อยากจะผ่านพวกเขาไปให้ได้จริงๆ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการงัดฟอร์มที่ร้อนแรงกลับมาให้ได้อีกครั้ง เหมือนในเกมที่พลิกเอาชนะ ดอร์ทมุนด์ ได้ในรอบที่แล้ว

ขุมกำลังอาจจะไม่พร้อมสรรพเท่าวันนั้น แต่อย่างน้อยระบบและโครงสร้างของทีมไม่ได้ล่มสลายไปด้วย

บีญาร์เรอัล ก็มีจุดอ่อนที่พอเห็นได้จากเกมแรกว่าไม่ได้ถึงกับแข็งแกร่งชนิดฆ่าไม่ตายอย่าง แอตเลติโก มาดริด ที่ผ่านการพิสูจน์ความเหนียวมาแล้วด้วยการสยบ บาร์เซโลน่า และบาเยิร์น มิวนิค สองทีมที่มีเกมรุกที่ดีที่สุดในโลกได้

นอกเหนือจากนั้นคือเรื่อง “บรรยากาศ” ที่เดอะ ค็อป ในสนามจำเป็นต้องช่วยทีมอีกครั้ง

ในอดีต ลิเวอร์พูล มีเกม “ยูโรเปี้ยน ไนท์” ที่สำคัญแบบนี้มามากมายครับ และพวกเขาผ่านมันมาได้ด้วยรอยยิ้มเกือบทุกครั้ง

วันนี้ถึงคราวจำเป็นอีกครั้ง เพราะหากผ่านไปได้ ไม่ได้หมายถึงเรื่องของโอกาสเข้าชิง และโอกาสไปยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้าในฐานะแชมป์ยูโรป้า ลีก เท่านั้น

แต่ยังหมายถึงการรักษาความหวังเอาไว้ได้จนจบฤดูกาล ซึ่งสำหรับทีมที่อยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านเช่นนี้ การตกอยู่ในสภาพแล้งไร้ซึ่งความหวัง เป็นสิ่งสุดท้ายที่พวกเขาปรารถนาครับ

นิทานลูกหนัง by ลูกแม่กิ่ง
(lookmaeking@hotmail.com)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook