สกู๊ป : "กลิ่นตุๆ.. จากแดนอาทิตย์อุทัย"

สกู๊ป : "กลิ่นตุๆ.. จากแดนอาทิตย์อุทัย"

สกู๊ป : "กลิ่นตุๆ.. จากแดนอาทิตย์อุทัย"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่ากระแสของ “วอลเล่ย์บอลหญิง” ทีมชาติไทย มาแรงมากในการแข่งขันเพื่อคัดเลือกเข้าไปแข่งในรอบสุดท้ายที่บราซิลในอีก 3 เดือนข้างหน้า โดยเฉพาะเกมที่เราถูกเจ้าภาพอย่าง “ญี่ปุ่น” ซี่โครงอย่างแรงในเกมที่เราแพ้ 2-3 เซต

แน่นอนว่า ถ้าใครได้ดูการถ่ายทอดสดหรือติดตามข่าวในเรื่องนี้ จะเห็นได้ว่าผลการตัดสินของผู้ตัดสินในแมตช์นั้น “หลุยส์ เกราร์โด้ มาเซียส” ชาวเม็กซิกัน สามารถเปลี่ยนสถานการณ์จนเปลี่ยนผลการแข่งขันที่กำลังสูสี ให้ฝั่งเจ้าภาพได้รับชัยชนะ ทั้งๆที่เซตสุดท้ายหลังจากที่เสมอกันมา 2-2 เซต เราอุตส่าห์ขึ้นนำมาก่อนถึง 12-9 ซึ่งเมื่อสาวญี่ปุ่นไล่ขึ้นมาจนแซง 13-12

“โค้ชอ๊อต” เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร ต้องการขอเวลานอกตามแท็กติค ซึ่งตามกฎที่สหพันธ์วอลเล่ย์บอลนานาชาติ หรือ เอฟไอวีบี ให้ใช้การกดปุ่มจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่จะส่งสัญญาณไปที่คณะกรรมการก่อนจะถูกส่งไปยังผู้ตัดสินอีกที่ “ใช้ไม่ได้” เจ้าตัวเลยจำเป็นต้องลงไปในสนาม

ทำให้จังหวะนั้นถูกผู้ตัดสินให้ใบแดงพร้อมทำโทษปรับคะแนนให้ “ญี่ปุ่น” นำ 13-12 และพอกัปตัน “หน่อง” ปลื้มจิตร์ ถินขาว เข้าไปพูดคุยขอคำชี้แจง ก็กลับถูกปรับอีก 1 คะแนนจนเป็น “แมตซ์พอยต์” ทำให้เราแพ้เซตนั้นและเกมนั้นไปอย่างค้านสายตา

สิ่งที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นการทำร้ายจิตใจคนไทยอีกครั้ง หลังจากที่ 4 ปีที่แล้ว เราอดไปโอลิมปิกเพราะ “ญี่ปุ่น” ที่อันดับหรือความสามารถสูงกว่า “เซอร์เบีย” ในรอบคัดเลือก แต่ดันไป “แพ้” และส่งดาวรุ่งเต็มทีมด้วยเหตุผลที่ว่าเพื่อหนีสายแข็งในโอลิมปิก ซึ่งพอมาเจอกับเรื่องล่าสุดเชื่อว่า “ภาพลักษณ์ของความเป็นนักกีฬาของญี่ปุ่น” ในสายตาคนไทยคงไม่เหมือนเดิม

ที่สำคัญในสถานการณ์ที่ชี้เป็นชี้ตายแบบนั้น ก็ต้องตั้งคำถามว่าการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินเหมาะสมหรือไม่ ถึงแม้จะไม่ได้ผิดตามตัวกฎการแข่งขันที่ถูกระบุไว้ก็ตาม เรื่องนี้ก็คงต้องดูต่อไป

มาล่าสุดเป็นเรื่องของ “สิทธิ์การเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก เกมส์” ของ “ญี่ปุ่น” ในอีก 4 ปีข้างหน้า กำลังถูกสอบสวนจากคณะกรรมการโอลิมปิกสากลหรือ “ไอโอซี” เนื่องจากมีการโอนเงินจำนวน 2 ล้านเหรียญสหรัฐเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่งในสิงคโปร์ให้บริษัทที่เกี่ยวข้องกับบุตรชายของหนึ่งในคณะกรรมการโอลิมปิกสากล “มร.ลามีน ดิแอ็ก” ในปี 2013 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวที่ “ญี่ปุ่น” ชนะการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก

โดยทาง “ญี่ปุ่น” ก็โต้ตอบออกมาว่า เงินจำนวนเหล่านี้เป็นเงินจ่ายค่าที่ปรึกษาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้รู้สึกว่าเรื่องนี้ได้กลิ่นแปลกๆออกมาเหมือนกัน

ทั้งสองเรื่องก็ยังเป็นคำถามสำหรับคนไทย โดยเฉพาะเรื่องแรกที่ส่งผลกระทบต่อทีมวอลเล่ย์บอลสาวไทยโดยตรง เพราะโควตาโอลิมปิกในทัวร์นาเมตต์นี้เอาแค่ 4 ทีม ซึ่งตอนนี้เราอยู่อันดับ 5 หลังจากชนะ “คาซัคสถาน” 3-0 เซตซึ่งถ้าเราชนะ “ญี่ปุ่น” ได้ เราคงไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ และเจ้าภาพเองที่ล่อแหลมต่อการอดไปโอลิมปิก

อย่างไรก็ตาม ถ้าไปดูผลการแข่งขันทัวร์นาเมนต์เดียวกันของ “ญี่ปุ่น” ก็แพ้คู่แข่งอย่าง “เกาหลีใต้” 1-3 เซตในบ้านตัวเอง ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องชนะ “ทีมชาติไทย” ให้ได้สถานเดียวเท่านั้น

ถ้าจะกล่าวหาว่า “ญี่ปุ่นโกงเรา” คงไม่มีข้อสงสัยเรื่องของ “แรงจูงใจ” ว่าทำไม เพราะมิเช่นนั้นอาจจะประวัติซ้ำรอยเหมือน “ทีมฟุตซอลชายญี่ปุ่น” ที่เป็นเบอร์ต้นๆของเอเชีย อดไปแข่งชิงแชมป์โลกล่าสุดมาแล้ว บางทีเค้า “อาจจะ” จำเป็นต้องทำ

เพราะนี้อาจจะคือยุคมืดของวงการกีฬาญี่ปุ่น ที่ส่วนตัวได้กลิ่นตุๆออกมาครับ

โดย แบงค์ พิพัช

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook