สกู๊ป : ลุ้น “แรชฟอร์ด” ประเดิมด้วยประตูให้สิงโตคำราม

วันนี้ขออนุญาตงดพูดถึง โจเซ่ มูรินโญ่ และทีมแมนฯยูไนเต็ด สัก 1 วันนะครับ

โดยผมขอเลือกแตะหัวข้อการ “เตรียมทัพ” ของทีมชาติอังกฤษ และชาติอื่น ๆ สำหรับ “ยูโร 2016” รอบสุดท้ายที่อีกไม่กี่วัน (10 มิ.ย.) ก็จะระเบิดศึกกันแล้ว

ความรู้สึกแรก คือ “เร็วเนอะ!” 4 ปีอีกแล้ว และนับจากจุดนี้ไปก็เหลืออีกแค่ 2 สัปดาห์เท่านั้นที่โลกแทบทั้งใบก็จะ “หยุดหมุน” ให้กับมหกรรมลูกหนังรายการน้อง ๆ “ฟุตบอลโลก”

การเตรียมทีมช่วง “โค้งสุดท้าย” ก็ถือว่า “ไม่ง่าย” นักหลังฤดูกาลหนัก ๆ ยาว ๆ 9 เดือนที่ก็ต้องมีบ้างที่สภาพความสมบูรณ์ของผู้เล่นในใจกุนซือแต่ละชาติอาจจะไม่พร้อม

ราฟาเอล วาราน เซนเตอร์แบ็ค เรอัล มาดริด และทีมชาติฝรั่งเศส น่าจะมีสิทธิ์วืดทัวร์นาเมนท์ในบ้านตัวเองสูงหลังได้รับบาดเจ็บ “หัวเข่า” จนอดิล รามี่ แห่งเซบีญ่า ถูกดิดิเยร์ เดอชองป์ เรียกเข้ามาเสริมแทน

มาร์ค วิลม็อตส์ ก็ปล่อยพัก พร้อม ๆ กับสอดส่องอาการเจ็บน่องของ รัดย่า เนียงโกลัน มิดฟิลด์ โรม่า ที่เก็บตัวกับทัพปิศาจแดงแห่งยุโรปไม่ได้

รัสเซีย ต้องเสียมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดของตัวเอง อลัน ซาโกเยฟ ที่กระดูกเท้าแตกเกมสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เองในเกมที่เล่นให้ต้นสังกัด ซีเอสเคเอ มอสโก ที่จะเป็นผลดีต่อเพื่อนร่วมสาย ทีมชาติอังกฤษ แน่ ๆ

บิเซนเต้ เดล บอสเก้ ไม่เรียกทั้ง เฟอร์นันโด ตอร์เรส และดิเอโก้ คอสต้า ส่วนหนึ่งก็เพราะสภาพร่างกายนักเตะในทีมชุดลุ้นแชมป์ 3 สมัยซ้อน

อันโตนิโอ คอนเต้ ไม่ใช้ มาริโอ บาโลเตลลี่ เพราะแทบไม่ได้เล่นกับมิลาน หรืออันเดรีย ปิร์โร่ ที่ย้ายไปเมเจอร์ลีกที่ถูกมองว่า ความแข็งแกร่งลีกไม่ดีพอ

และมีแนวโน้มส่งผลถึงสภาพความพร้อมของตัวมิดฟิลด์วัย 37 ปีเอง

ฯลฯ และฯลฯ ที่ “ทุกทีม” ครับ ผมรับรองได้ว่า จะมี “ปัญหา” ให้กุนซือได้ครุ่นคิด และสุดท้ายแล้วต้องตัดสินใจเลือกนักเตะ 23 คนสุดท้ายส่งให้ “ยูฟ่า” ก่อน 31 พ.ค.

ทีมชาติอังกฤษ ก็เช่นกันที่ขณะนี้มีตัวหลักอย่าง แจ็ค วิลเชียร์ และจอร์แดน เฮนเดอร์สัน กำลังได้รับการประคบประหงมราวไข่ในหิน

เฉพาะอย่างยิ่ง มิดฟิลด์อาร์เซนอล ที่เจ็บยาวนานแทบจะทั้งฤดูกาล 2015/16 แต่ฟิตกลับมาได้ทันเตะช่วงท้ายซีซั่นจนถูกเรียกตัวเข้ารับใช้ชาติแบบพอดิบพอดี

วิลเชียร์ เจ็บยาวต่อเนื่องมาจากช่วงพรีซีซั่น และเล่นให้ทีมชาตินัดสุดท้ายเมื่อ 14 มิ.ย.ปีที่แล้วกับสโลเวเนีย กว่าจะมาฟื้นสภาพกลับมาเล่นได้ “เงียบ ๆ” เมื่อเดือน เม.ย.นี้เอง

จากนั้นจึงกลับมา และได้ลงสนามในแมตช์อุ่นเครื่องล่าสุดพบกับทีมชาติตุรกีเป็นเวลา 65 นาทีในแมตช์ที่อังกฤษชนะไปหวุดหวิด 2-1

คนที่ลงสนามมาแทน วิลเชียร์ ก็คือกองกลางกัปตันทีมลิเวอร์พูล จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่เจ็บช่วงหลายสัปดาห์หลังของซีซั่น

โดยเกมกับทีมไก่งวง ตุรกี เป็น 1 ใน 3 เกมสุดท้ายอุ่นเครื่องก่อนแมตช์แรกในรอบไฟนอลกับรัสเซีย 13 มิ.ย.

แต่จะเป็นเพียง 1 ใน 2 นัด (อีกนัด คือ วันศุกร์นี้กับออสเตรเลีย) ก่อน รอย ฮอดจ์สัน จะตัดตัวผู้เล่นอีก 3 คน

“ไฮไลต์” เกมกับตุรกี นอกจาก แฮร์รี เคน และเจมี่ วาร์ดี้ จะสังหารคนละ 1 ประตูในฐานะ “คู่หอก” แม้เคนจะพลาด 1 จุดโทษแล้ว

ราฮีม สเตอร์ลิง ทำได้ไม่ขี้เหร่, แจ็ค วิลเชียร์ รอเพียงแมตช์ฟิตเนสส์ ในเกมที่ แดนนี่ โรสส์ แบ็คซ้ายได้เป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์

นัดกับออสเตรเลีย ที่สเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ น่าจะเป็นเกมต้อนรับการกลับมาของนักเตะตัวหลักจากแมนฯยูฯที่ติดภาระกิจ เอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ

คริส สมอลลิ่ง แม้จะดูน่าเป็นห่วงในการรับมือแนวรุกพาเลซ แต่ชั่วโมงนี้ คือ ตัวหลัก และเวย์น รูนีย์ จะยืนตำแหน่งใด? ระหว่างกลาง กับหน้า

ที่น่าสนใจที่สุด คือ มาร์คุส แรชฟอร์ด ที่สลัดอาการบาดเจ็บกลับมาเป็น “เฮดไลน์” ทุกสื่อว่าจะ “ประเดิม” สนามในนามทีมชาติ

ณ จังหวะพอดีกับที่ วาร์ดี้ “มีคิว” แต่งงานลงสนามไม่ได้

โอกาสของเจ้าหนูแรชฟอร์ดจึงเกิดขึ้นไม่ยาก และแสดงให้เห็นอีกครั้งว่า “จังหวะชีวิต” หมอนี่ดีจริง ๆ นับจากได้รับโอกาสแบบเฮง ๆ ในทีมชุดใหญ่ ปิศาจแดง

ก่อนจะมาติดทีมชาติแบบเต็มตัวอย่างรวดเร็วด้วยวัยเพียง 18 ปี ขณะที่เพิ่งเล่นพรีเมียร์ลีกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์รวม 17 นัด 8 ประตูเท่านั้นเอง

ส่วนตัวผมมองว่า “ไม่ยาก” ครับ แรชฟอร์ด ดีพอเหมือนที่เค้าพิสูจน์แล้วในหลาย ๆ เกมกับทีมแมนฯยูฯว่า “เกินวัย”

แมตช์กับออสเตรเลีย ไม่ใช่แค่ลุ้นว่า แรชฟอร์ด จะเล่นดี ไม่ดีนะครับ

แค่ลุ้นว่า จะ “ประเดิม” ทีมชาติด้วยประตูหรือเปล่าเท่านั้นเอง!!!