4 ประเด็นร้อนชี้ชะตากลุ่มเอฟ
"เพราะ โลกฟุตบอลย่อมไม่มีอะไรแน่นอน"
วลีอมตะ จากใครบางคนที่กลายเป็นที่กล่าวขานตลอดมา หลังจากที่สิ้นสุดเกมนัดแรกไป สองทีมเต็งอย่าง "โปรตุเกส - ออสเตรีย" ที่ว่าแน่กลับต้องเจอกับผลลัพธ์ที่ชวนให้ช็อก
ปาฏิหารย์แห่ง "ฮังการี" ทำให้เราต้องอึ้ง เช่นเดียวกับการ "Debut" แมตช์แรกของไอซ์แลนด์ที่มีเต็มไปด้วยเส้นทางอันขรุขระทว่าสุดท้ายก็เก็บสกอร์ได้อย่างสวยหรู
นับจากนี้อีกเพียงวันเดียว ทุกอย่างในกลุ่มเอฟจะกลับมาว่ากันใหม่ และนี่ก็คือ "4 ประเด็นร้อน" ก่อนแข่งของทั้งสี่ทีมที่ใครหลายคนต่างเฝ้าจับตารอ!
1.ปาฏิหารย์แม็กยาร์ "แค่ฟลุ๊ก หรือว่าม้ามืด"!?
ที่สุดแห่งมิราเคิ่ลประจำนัดแรก! หลังเข้ารอบมาอย่างทุลักทุเล ไม่มีใครคาดคิดครับว่า ทีมชาติฮังการีจะทำให้เราทุกคนต้องฉงน นี่คือชาติที่ก่อนแข่งบ่อนทุกรายหั่นราคายกให้เป็นเต็งสุดท้ายที่จะคว้าชัย
โลกลูกหนังช่างมหัศจรรย์เสมอ พลพรรค "แม็กยาร์" ร่ายเวทมนตร์ให้เราต้องทึ่งด้วยการปราบคู่ปรับอย่างออสเตรียราบคาบ 2-0 ประตูปลดล็อกแรกของ อดัม ซาไล
ทำให้แฟนฮังกาเรียนสิ้นสุดการรอคอยทัวร์นาเมนต์ใหญ่กว่า 32 ปีอย่างชื่นมื่น ทว่าทุกชัยชนะที่ได้รับล้วนอยู่บนเครื่องหมายคำถามที่รอวันกระจ่างข้อสงสัย
พวกเขาดีพอแล้วหรือกับการสร้างเซอร์ไพร์ส!? ก็อาจจะใช่ที่รูปเกมในวันนั้นฮังการีเล่นกันอย่างเป็นระเบียบระบบ แต่ส่วนหนึ่งก็มาจากความยอดเยี่ยมของ กาบอร์ คิราลี่ นายด่านตัวเก๋า
เช่นเดียวกับออสเตรียที่ซัดทิ้งขว้างกันไปเอง โดยรวมแล้วหลังบ้านของ "แม็กยาร์" ยังเผยจุดอ่อนให้เห็นอยู่เนืองๆ และหากเจอทีมที่เกมรุกเขี้ยวรากดินกว่าในรอบลึกๆล่ะ พวกเขาจะทำอย่างไร
ที่ผ่านมาแค่ "ฟลุ๊ก" ฤานี่คือม้ามืด!? อีกไม่นานเราคงได้รู้กัน
2.ออสเตรีย "สิงห์สนามซ้อม"!?
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคำถามผุดออกมาราวกับดอกเห็ดเช่นนี้ ความพ่ายแพ้ต่อฮังการีทำให้ศรัทธาอันแรงกล้าที่สื่อหลายสำนักเคยมีในตัวพลพรรค "ดานูบ" เสื่อมคลายลงไปอย่างชัดเจน
จากรอบคัดเลือกที่สร้างความฮือฮาด้วยการไม่แพ้ใครอีกทั้งยังคว้าชัยถึง 9 จาก 10 ทำให้ลูกทีมของ มาร์เซล โคลเลอร์ โด่งดังเปรี้ยงปร้างพร้อมกลายเป็นที่จับตา
ไม่เว้นแม้แต่ เลอ ทิสซิเอร์ ตำนานยอดนักเตะจากเซาธ์แฮมป์ตันที่ถึงขนาดกล้าฟันธงเลยว่า ออสเตรียจะเป็นม้ามืดพร้อมกับมีลุ้นแชมป์ในปีนี้
แต่แล้วทุกอย่างกลับตาลปัตร! กลายเป็นว่าในเกมนัดแรกสตาร์ชื่อดังอย่าง มิร์โก อาร์เนาโตวิช และ ดาวิด อลาบา โลดแล่นไม่ออก ลูกครอสจากริมเส้นที่เคยเป็นจุดเด่นเอาเข้าจริงกลับไม่เข้าเป้า
คู่เซนเตอร์อย่าง ดราโกวิช และ วิมเมอร์ เล่นกันอย่างโฉ่งฉ่างกระทั่งโดนเกมโต้กลับฮังการีเล่นงาน
เกิดอะไรขึ้นกับทัพแม่น้ำดานูบที่เคยบินฉิว? หรือออสเตรียก็ยังคงเป็นออสเตรียที่เป็นได้แค่ตัวประกอบอยู่วันยังค่ำ ศึกหนักกับโปรตุเกสพวกเขาไม่มีทางเลือกนอกเสียจาก "คว้าชัย"!
3.ไอซ์แลนด์แค่นี้ "ดีไม่พอ"
แม้จะสร้างปาฏิหารย์ด้วยการยันเสมอโปรตุเกส 1-1 พร้อมเก็บแต้มแรกในทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติอย่างยิ่งใหญ่ ทว่าบนเรื่องมหัศจรรย์ที่ถูกยกย่อง มีความกังวลในใจของชาว "สตาร์คาเนียร์"ที่รอ ลาร์ส ลาเกอร์บัค และ คู่หูสะสางปัญหาอยู่
เกมรับของพวกเขาอาจนิ่งสมกับฉายาแดนน้ำแข็ง ทว่าในแง่ของเกมรุก ลาเกอร์บัค และ ลูกทีมยังมีงานช้างที่ต้องปรับปรุงอีกเยอะ ประตูของ บีกีร์ บียาร์นาสัน ก็แค่หนึ่งในแสนที่มีสิทธิ์เกิด
ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องมิราเคิ่ลบ่อยหากว่ายังคงหาโอกาสจบสกอร์ได้แค่ 4 ครั้ง "กิลฟี่ ซิเกิร์ดส์สัน" กัปตันทีมยังเงียบเกินไปเมื่อเทียบกับความคาดหวัง เช่นเดียวกับปีกทั้งสองข้างที่มิอาจสร้างสรรค์เกมรุกได้
ในแมตช์หน้าที่จะพบกับฮังการี เชื่อเหลือเกินว่า ขุนพลไอซ์แลนด์คงมีโอกาสเปิดหน้าแลกมากขึ้น สองหัวหอกอย่าง ยอน ดาดี บอดวาร์สสัน และ โคลเบน ซิคธอร์สสัน น่าจะมีโอกาสได้ส่อง และ
นั้นจะเป็นการวัดคม พิสูจน์ผลงานในช่วงที่ผ่านมาว่า พวกเขาดีพอต่อการสร้างเซอร์ร์สแล้วหรือยัง!?
4.‘โรนัลโด้ "เอฟเฟค"
ไม่ปฏิเสธว่า นี่คือหนึ่งในสุดยอดนักเตะตลอดกาลของโลก! เรื่องฝีเท้า และ ความสำเร็จที่ผ่านมามานับครั้งไม่ถ้วนทำให้ชื่อของ โรนัลโด้ กลายเป็นพ่อค้าแข้งที่ขึ้นหิ้งระดับตำนาน
อย่างไรก็ดีบนความเก่งกาจกลับแฝงไปด้วยความมุทะลุที่มากเกินพอดีจนทำให้สปิริตทีมเสีย บ่อยครั้งที่ยามเพื่อนพลาดท่า หรือ ฟอร์มไม่ได้ดั่งใจ “CR7” มักจะแสดงอาการเกรี้ยวกราดเกินเหตุ
จนทำให้เพื่อนร่วมทีมที่ลงฟาดแข้งด้วยเกิดอาการเกร็ง และ ผวาดผวา เช่นเดียวกับเกมล่าสุดที่เจ้าตัวแสดงท่าทีฟึดฟัดหลายครั้งอีกทั้งยังโชว์ความเป็นผู้แพ้ที่แย่ด้วยการด่าขุนพลไอซ์แลนด์ที่เสมอชาติของตนว่า
เล่นบอลแบบไร้สมอง และ เอาแต่อุดอีกต่างหาก
ทำให้กระแสล่าสุดเริ่มโหมมากระหน่ำซ้ำโปรตุเกส สื่อบางรายถึงขั้นออกนอกหน้าแช่งให้ ทัพ “ฝอยทอง” ตกรอบก่อนวัยอันควรเลยทีเดียว การออกมาระบายของ โรนัลโด้ อาจทำให้ความอัดอั้นในใจนั้นดีขึ้น
ทว่าตรงกันข้ามนั่นไม่ต่างกับดาบสองคมที่ทำให้สถานการณ์ของทีมเลวร้ายกว่าเดิม ด้วยวัย 31 ปีทำให้เป็นที่เชื่อกันว่า นี่คงเป็นฟุตบอลยุโรปรายการสุดท้ายของเจ้าตัว และ
จากการล้มเหลวกับทีมชาติตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ทำให้ โรนัลโด้ นั้นรู้สึกกดดัน เกมกับออสเตรียในแมตช์ถัดไปเปรียบดั่งชะตาชีวิตของอาชีพ หากพลาดท่าเล่นกันผิดพลาดพร้อมกับปล่อยให้
ความกดดันถาโถมเข้าใส่ตนมากเกินก็มีโอกาสสูงที่โปรตุเกสโดนปิดบัญชีทันที ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงพร้อมตกรอบในบั้นปลาย พลพรรค “ฝอยทอง” และ “โรนัลโด้” ก็คงไม่จำเป็นต้องไปโทษใคร
โอกาสอยู่ในมือแล้วแท้ๆ จากการอยู่ในกลุ่มที่สุดแสนเบาบาง แต่ก็เป็นเพราะ ‘ความประมาท’ ที่ทำให้พวกเขาต้องเป็นฝ่ายเสียน้ำตา!
by มาสเตอร์ ริท