ก็องเตเลเล่ : แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์

ก็องเตเลเล่ : แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์

ก็องเตเลเล่ : แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“ตอนเป็นเด็กผมไม่เคยคาดหวังถึงเรื่องนี้มาก่อน ผมเพียงแค่พยายามก้าวขึ้นมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพให้ได้ แต่ไม่เคยคาดหวังว่าจะได้โอกาสติดทีมชาติ”

คำกล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ากราฟชีวิตของคนเราสามารถเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าได้เพียงชั่วพริบตาหากสามารถคว้าโอกาสที่วางอยู่ตรงหน้าได้

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2011 เด็กหนุ่มเจ้าของความสูง 169 เซนติเมตร เพิ่งได้รับโอกาสประเดิมเส้นทางนักเตะอาชีพครั้งแรกกับ บูโลญ สโมสรเล็กๆ ในฝรั่งเศส

ถัดมา 2 ปี ก็องเต้ ได้รับโอกาสครั้งใหม่ที่ใหญ่กว่ากับ ก็อง ก่อนเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้ต้นสังกัดก้าวขึ้นสู่ลีก เอิง ในฤดูกาล 2013/14 เวทีที่เขาฝันว่าจะได้ลงเตะสักครั้งในชีวิต

นั่นคือการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่หมุนเข็มนาฬิกาชีวิตของ ก็องเต้ ไปตลอดกาล

ฤดูกาล 2014/15 ก็องเต้ ลงสนามช่วย ก็อง ในลีก เอิง ไปทั้งสิ้น 37 เกม เป็นผู้เล่นคนสำคัญที่ช่วยให้ทีมอยู่รอดปลอดภัย แต่ก็เป็นได้เพียงแค่นั้น

กระทั่งโชคชะตานำพาให้ สตีฟ วอลช์ มือขวาข้างกาย เคลาดิโอ รานิเอรี่ กุนซือเลสเตอร์ ซิตี้ ที่เคยหยิบยื่นโอกาสให้ เจมี่ วาร์ดี้ และ ริยาด มาห์เรซ เข้ามาในชีวิตของก็องเต้

วอลช์ ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการเกลี้ยกล่อมให้ รานิเอรี่ รับทราบถึงพรสวรรค์ที่ ก็องเต้ มี กระทั่งจัดแจงปิดดีลกันที่ 5.6 ล้านปอนด์

จากนั้นก็อย่างที่เราทราบกันดี ก็องเต้ สร้างเรื่องราวสุดมหัศจรรย์ร่วมกับ วาร์ดี้ และ มาห์เรซ ที่เลสเตอร์ เป็นนิยายสุดคลาสสิคที่จะถูกเล่าขานไปตราบนานแสนนาน

ก็องเต้ เอื้อนเอ่ยถึงเรื่องราวในอดีตว่า “ช่วงอายุ 10-19 ปี ผมเล่นให้สโมสรสมัครเล่นในบ้านเกิด กระทั่งได้รับโอกาสจากบูโลญ”

“แต่ผมไม่ได้เริ่มในทีมชุดใหญ่นะ ผมเริ่มกับทีมสำรองของพวกเขาในดิวิชั่น 6 ก่อนจะได้ขึ้นทีมชุดใหญ่ในอีก 1 ปีต่อมา ตอนนั้นเราอยู่ในดิวิชั่น 3”

“ช่วงเวลาที่ผมได้ก้าวออกจากบ้านเกิด และขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของบูโลญ เป็นช่วงเวลาที่ผมสิ้นสุดความปรารถนาที่จะก้าวมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพ”

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า ก็องเต้ จะได้รับพรที่ยิ่งใหญ่จากพระเจ้ากว่าที่คาดหวังไว้ เมื่อ ดิดิเยร์ เดส์ช็องป์ส มองเห็นในความพยายามของเขา จัดการเรียกตัวไปลุยยูโร 2016

ใครจะไปเชื่อครับว่านี่คือเส้นทางชีวิตของชายที่ชื่อ ก็องเต้ คนที่เคยโดนเจ้าหน้าที่เลสเตอร์ ถามว่ามารอคุณแม่อยู่หรือ? ทั้งที่นี่คือนักเตะผู้เข้ามาเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์สโมสร

ด้วยส่วนสูงเพียง 169 เซนติเมตร กับเวทีอย่างพรีเมียร์ลีก ไม่แปลกใจที่ใครหลายคนจะตัดสินเขาจากรูปร่างภายนอก แต่ ก็องเต้ ก็ไม่เคยน้อยเนื้อต่ำใจกับโชคชะตาและมุ่งมั่นแสดงฝีเท้าเพื่อพิสูจน์ตัวเอง

สุดท้ายไม่มีเสียงวิจารณ์ออกมาจากผู้คนแม้แต่นิดเดียว กลับกันมีแต่เสียงยกย่องเทิดทูนจากผลงานสุดมหัศจรรย์ที่ ก็องเต้ ได้ฝากเอาไว้บนฟลอร์หญ้าแห่งความฝัน

โชเซ่ ซาเอซ อดีตเพื่อนร่วมทัพก็อง กล่าวถึง ก็องเต้ ว่า “ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมไม่มีสโมสรยักษ์ใหญ่สนใจเซ็นสัญญาเขาก่อนหน้านี้”

“เขาอาจไม่ได้เก่งกาจระดับซูเปอร์สตาร์ แต่ก็เป็นคนที่พิเศษ และมีคุณสมบัติที่แตกต่างจากผู้เล่นในระดับเดียวกัน”

“เขารวดเร็ว, แข็งแกร่ง และฉลาด เขาสามารถวิ่งไปได้ทั่วทุกพื้นที่ในสนาม เป็นมิดฟิลด์บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ ที่สมบูรณ์แบบคนนึงเลยละ”

คำกล่าวของ ซาเอซ ไม่ได้เกินจริงเลย เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่ ก็องเต้ แสดงให้เห็นชาวโลกได้เห็น เช่นเดียวกับ เดส์ช็องป์ส ที่เลือกหยิบเพชรเม็ดงามมาขัดเกลาต่อบนเวทีระดับชาติ

แล้วก็เหมือนโชคชะตาจะเข้าข้าง ก็องเต้ เมื่อก่อนเริ่มศึกยูโร 2016 เพียงไมกี่วัน มิดฟิลด์ตัวรับหมายเลขหนึ่งของฝรั่งเศส อย่าง ลาสซาน่า ดียาร์ร่า ดันดวงแตกถอนตัวไปเพราะอาการบาดเจ็บ

โอกาสจึงตกมาอยู่ในมือของ ก็องเต้ ก่อนกลายเป็นขุนพลคนสำคัญที่ เดส์ช็องป์ส และ ฝรั่งเศส จะขาดไม่ได้ และคาดว่าจะเป็นเช่นนี้ไปอีกหลายปี

ในขณะที่ ฝรั่งเศส ยังไม่อาจเค้นฟอร์มเก่งออกมาได้ในยูโร 2016 ก็องเต้ กลับกลายเป็นผู้เล่นเพียงไม่กี่คนที่รักษามาตรฐานของตัวเองเอาไว้ได้ และรู้ว่าหน้าที่ของตัวเองคืออะไร

เหลือบตามองแนวรับฝรั่งเศสชุดนี้สิ สาบานว่าคุณมั่นใจในศักยภาพของ บาการี่ ซาญ่า, โลร็องต์ กอสเซียลนี่, อาดิล รามี่, ปาทริซ เอฟร่า ให้รวม อูโก้ ญอริส ไปอีกคนยังได้เลย

เหตุผลเดียวที่ทำให้พวกเขาเสียไปแค่ 1 ประตู ในรอบแบ่งกลุ่ม หากไม่ใช่เพราะความสามารถในการตัดเกมของ ก็องเต้ แนวรับคงโดนทดสอบเยอะแยะ และน่าจะโดนทะลวงตาข่ายมากกว่านี้

หลายคนตั้งคำถามถึงฟอร์มการเล่นของ ปอล ป็อกบา และ อ็องตวน กรีซม็อง หรือประสิทธิภาพของ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ในการแบกความหวังทำประตูยามไร้เงา คาริม เบนเซม่า

แต่น้อยคนนักจะมองเห็นถึงความสำคัญของ ก็องเต้ ชายผู้ทำหน้าที่ปิดทองหลังพระชนิดไม่มีบ่น พร้อมวิ่งพล่านเป็นผึ้งงานเพื่อให้บรรดาแนวรุกได้สร้างสรรค์เกมตามใจชอบ

สำหรับผมแล้ว หาก ฝรั่งเศส ต้องการคว้าแชมป์ยูโร 2016 พวกเขาจำต้องมั่นใจว่า ก็องเต้ จะสร้างผลงานและอยู่ในมาตรฐานแบบนี้ไปตลอดทัวร์นาเมนต์

ซึ่งจากทั้ง 3 นัดที่ผ่านมา นักพนันที่ชื่อ “ก็องเตเลเล่” วางเดิมพันด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีแล้ว จากนี้ขึ้นอยู่กับโชคชะตาว่าจะเอื้ออำนวยมากแค่ไหน

เช่นเดียวกับฝรั่งเศส ว่าจะวางเดิมพันไว้สูงเหมือนที่ ก็องเต้ คาดหวังหรือไม่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook