นัดสุดท้ายของอังกฤษ

นัดสุดท้ายของอังกฤษ

นัดสุดท้ายของอังกฤษ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อย่างที่ผมเรียนไว้ในบทความล่าสุดนะครับ ผล “โหวตออก” จากสหภาพยุโรป (อียู) ของสหราชอาณาจักรรวม “อังกฤษ” ด้วยนั้นกำลังมีอิทธิพลมากมาย

และสร้างปรากฏการณ์โดยเฉพาะในแง่ “ความรู้สึก” สับสนให้เกิดขึ้นในหมู่ประชากร 65 ล้านคน

ไม่มีใครทราบว่า หลังประชามติ “leave EU” ซึ่งมีประชากร 508 ล้านคนด้วยชัยชนะในสัดส่วนประมาณ 52% ต่อ 48% อะไรจะเกิดขึ้นนับจากนี้ ซึ่งแวดวง “กีฬา” ก็หนีผลกระทบไปไม่พ้น

กล่าวคือ มันไม่มีอะไร “ชนะ 100%” แน่ ๆ ครับในโลกมนุษย์ เพราะมันต้องมี “ได้” และ “เสีย” โดยอังกฤษอาจจะได้สิ่งที่ต้องการในประเด็น เช่น ผู้ลี้ภัย หรือคนเข้าเมือง เฉพาะอย่างยิ่งจากชาติยุโรปตะวันออกที่พวกเค้าไม่อยาก “ต้อนรับ” นัก

ทว่าในแง่การต้องออกจาก “ตลาดเศรษฐกิจร่วม” รวมชองสหภาพยุโรปมูลค่า 14.2 ล้านล้านยูโรต่อปีที่สหราชอาณาจักรมีตัวเลขแทรกอยู่ในนั้น 2.6 ล้านล้านยูโร

อันจะมีผลให้ “ภาพรวม” เศรษฐกิจยุโรปไม่ใช่หมายเลขหนึ่งของโลกอีกต่อไป

และอีกมากมายก่ายกองที่ยัง “ประเมิน” ไม่ได้ คือ สิ่งที่ทำให้ชาวผู้ดี และสหราชอาณาจักรที่รวม เวลส์, สกอตแลนด์ และไอร์แลนด์เหนือ เข้าไปด้วยเริ่มจะ “ลังเล” กับผลโหวตของตัวเองในวันนี้ หรือประมาณ 3 วันหลังทราบผลประชามติ

และรับรู้แล้วว่า นายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน จากพรรคอนุรักษ์นิยมจะลาออกภายในเดือน ต.ค.นี้

ความรู้สึก “ไม่แน่ใจ” ดังกล่าวกำลังถูกนำเสนอผ่านสื่อผู้ดี ณ เวลาที่มีการลงชื่อแล้วกว่า 2 ล้านรายชื่อให้มีการลงประชามติกันใหม่

ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า แรงกระเพื่อมจาก Brexit (British Exit) กำลังแรงเหลือเกิน

ผมเองชอบคำพูดของท่านนายกฯ คาเมรอน ที่กล่าวหน้าบ้านหมายเลข 10 ว่า:

“I will do everything I can as a prime minister to steady the ship over the coming weeks and months, but I do not think it would be right for me to try to be the captain that steers our country to its next destination.”

หรือ “ผมจะทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่จะประคับประคองเรือลำนี้ในช่วงหลายสัปดาห์ และเดือนข้างหน้านี้ แต่ผมไม่คิดว่า มันเป็นการถูกต้องที่ผมจะพยายามเป็นกัปตันเรือควบคุมประเทศของเราไปสู่จุดหมายปลายทางต่อไป”

แน่นอนครับ มันเป็นสุนทรพจน์ที่ “คลาสสิค” ภายใต้อีกคีย์เวิร์ด คือ คำว่า Fresh leadership หรือผู้นำคนใหม่ที่จะเข้ามาทำหน้าที่นำนาวาทัพไปสู่จุดหมายใหม่แทน

เรื่องนี้เขียนทั้งวัน หรือพูดเป็นสัปดาห์ก็คงไม่จบง่าย ๆ คล้าย ๆ กรณี “ผู้นำ” ทัพสิงโตคำราม อังกฤษ สู้ศึก “ยูโร 2016” เหมือนกัน

คือ ผมหมายความอย่างที่กล่าวมาตลอดครับว่า รอย ฮอดจ์สัน ผู้นำคนปัจจุบันประสบปัญหามากในการทำทีมที่ “หลายครั้ง” ที่ความเชื่อมั่นในการทำทีมของเค้าไม่ตรงกับความรู้สึกสื่อมวลชน หรือแฟนบอลจำนวนมาก

เช่น การปรับทัพ 6 คนรวม เวย์น รูนีย์ ในเกมเสมอสโลวาเกีย 0-0 จากไลน์อัพ 11 คนแรกที่ปราบเวลส์

หรือ “ผลงาน” ทั้ง 3 นัดที่คนทั่วไปอาจมองว่าไม่ดีกับการชนะ 1 เสมอ 2 ทว่าฮอดจ์สันก็มองว่า ควรชนะทั้ง 3 นัด และบอกด้วยว่า 3 นัดนี้เล่นได้ดีกว่าที่ชนะรวด 3 เกมตอนอุ่นเครื่องก่อนเดินทางมาอีกต่างหาก

โดยปิดท้ายด้วยสุนทรพจน์ (เหมือนกัน) ว่า:

“I’m not begging for the job, I am prepared to carry on. It is different to wanting it. I’m prepared to carry on if the FA want me to. If they don’t want me to then my contract will have run out and that is how that will be. I believe in what I’ve done in particular over the last couple of years. I believe in the team I am working with and believe the team is showing such potential that it will go on and do good things and if the FA want me to continue with me looking after them I will be happy to do so.”

“ผมไม่ได้จะร้องขอตำแหน่ง ผมเตรียมจะทำหน้าที่ต่อไป มันแตกต่างจากการ (บอกว่า) ต้องการตำแหน่ง ผมเตรียมจะทำหน้าที่ต่อไปหากเอฟเอ ต้องการ แต่ถ้าไม่ต้องการผม และสัญญาผมหมดแล้ว มันก็คงต้องเป็นแบบนั้น

ผมมีความเชื่อในสิ่งที่ผมทำ เฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 2-3 ปีมานี้ ผมเชื่อในทีมที่ผมทำงานด้วย และทีมนี้ก็กำลังแสดงให้เห็นศักยภาพที่จะเดินหน้าต่อไป และผลิตผลงานดี ๆ โดยถ้าเอฟเอต้องการผมทำหน้าที่ต่อ ผมก็ยินดีที่จะรับมัน”

ฉะนั้น ในมุมมองเชิงเปรียบเทียบกับกรณีนายกฯคาเมรอน หาก รอย ฮอดจ์สัน ไปไม่ถึงรอบตัดเชือกตามที่ “เอฟเอ” ได้ขีดเส้นเอาไว้ และตามความคาดหวังของแฟน ๆ

เกม “นัดสุดท้ายของอังกฤษ” ภายใต้การคุมทัพของ “ปู่รอย” น่าจะจบภายใน “ยูโร 2016” นี้ที่เค้ามีหน้าที่ประคองลำเรือนี้ให้ดีที่สุด

แต่คงไม่มีความชอบธรรมเพียงพอจะนำทัพสิงโตคำรามไปสู่จุดหมายปลายทางต่อไปข้างหน้าครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook